‘เกาะสมุย’ในวันไร้ต่างชาติ – พูดถึง ‘เกาะสมุย’ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติอยากไปเที่ยวมากที่สุด เพราะถือเป็นดินแดนสวรรค์กลางอ่าวไทย

แต่ปัจจุบัน แทบจะกลายเป็น ‘เกาะร้าง’ เนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นมา

เมื่อเร็วๆ นี้ ‘ธนาคารออมสิน’ พาคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เกาะสมุย คิกออฟมาตรการ ‘ออมสินเพื่อสมุย’ ดูแล ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 แบบบูรณาการ

จากการสัมผัสบรรยากาศอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบนเกาะสมุย พบว่าเงียบเหงาเป็นอย่างมาก พื้นที่เศรษฐกิจ หัวใจหลักของเกาะสมุยอย่างชายหาดเฉวง แทบไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง ปิดตายหมดเกือบ 100%

เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมากกว่า 90%

จุดท่องเที่ยวไฮไลต์อย่าง หินตา-หินยาย มีนักท่องเที่ยวเฉพาะชาวไทยบางตา ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบไม่มีให้เห็น ร้านขายของฝากเงียบเหงาตลอดวัน

ข้อมูลของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าภาคการท่องเที่ยวของสมุยคิดเป็น 95% ของจีดีพีในเกาะสมุยทั้งหมด หรือมีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ผู้ประกอบการโรงแรมในสมุยมีทั้งหมด 660 ราย เมื่อยังไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในสถานการณ์ แบบนี้ ก็ทำทุกอย่างหยุดชะงัก

นายวิรัช พงศ์ฉบับนภา เจ้าของโรงแรมพาวิลเลี่ยน สมุย วิลล่า แอนด์ รีสอร์ท ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่บนเกาะ สมุย เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ผู้ประกอบการ โรงแรมบนเกาะสมุยจะกลับมาเปิดให้บริการเกือบเต็ม 100% แต่พบว่าอัตราการเข้าพักค่อนข้างต่ำ หรืออยู่ที่ 0-5% เท่านั้น แม้จะลดราคาห้องพักลงไปแล้วถึง 70% แต่สถานการณ์ถือว่ายังน่าเป็นห่วง เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปกติจะมีมากกว่า 90% ได้ทั้งหมด

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านโครงการ ‘เราเที่ยว ด้วยกัน’ งบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ยอมรับว่าได้รับอานิสงส์อยู่ แต่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะนักท่องเที่ยวไทยยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ และในเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ที่มี เที่ยวบินหนาแน่น มองว่ายังเป็นมาตรการที่ไม่ได้ช่วยภาคการท่องเที่ยวมากนัก

รัฐบาลควรใช้งบประมาณกับมาตรการที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศจะมีประโยชน์มากกว่า เช่น การตรวจคัดกรองที่เข้มข้น ตั้งแต่ต้นทางและตรวจสอบซ้ำในปลายทาง และมีมาตรการติดตามตัวที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และยังทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศได้

ด้าน น.ส.สิริมณี ทองคณารักษ์ ผู้ดูแลโรงแรมขวัญ บีช รีสอร์ต แอนด์ ลักชัวรี แกลมปิง แอนด์ พูล วิลลา สมุย กล่าวว่า ปี 2563 เป็นปีที่โรงแรมได้รับผลกระทบหนักสุดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรปสูงถึง 97% ส่วนที่เหลืออีก 3% เป็นคนจีน รัสเซีย อาเซียน และไทยรวมกัน เมื่อมีการปิดประเทศและยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ จึงถือว่ามีผลกระทบค่อนข้างมาก

ก่อนปิดประเทศ 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.2563) มีรายได้ประมาณ 6.5 ล้านบาท แต่ตอนนี้เรียกว่าแทบเป็นศูนย์ แม้จะเร่งปรับตัวรับนักท่องเที่ยวไทยแล้ว ด้วยการปรับราคาลงกว่า 50% แต่อัตราการเข้าพักยังอยู่เพียงไม่เกิน 15% เท่านั้น จึงได้แต่หวังว่าไทยจะมีการเปิดรับนัก ท่องเที่ยวต่างชาติโดยเร็ว

นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดของการท่องเที่ยวเกาะสมุย ณ วันที่ 25 ธ.ค. 2563 มียอดจองห้องพักเข้ามาเพิ่มขึ้น 15% เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นเดือนธ.ค. 2563 ที่มียอดเข้าพักประมาณ 8-10% ขณะที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 มียอดจองเข้ามาประมาณ 30% ซึ่งถือว่าดีขึ้นกว่าช่วงที่เกิดโควิดเป็นอย่างมาก โดยเป็นผลมาจากการลดราคาตั๋วเครื่องบิน การลดค่าห้องพักลงกว่า 70% และมาตรการของรัฐ

คาดการณ์ว่าหากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และมีวัคซีนภายในเดือนก.ค. 2564 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเกาะสมุยได้ 8 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 15% ของจำนวนนักท่องเที่ยวในปีก่อน ที่มีทั้งหมด 2.5 ล้านคน หรือมีรายได้เพียง 5,000 ล้านบาทเท่านั้น

ความหวังเดียวของการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยขณะนี้ คือ การท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่หวังแรงกระตุ้นจากนักท่องเที่ยวไทย แม้ในเชิงรายได้อาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป แต่ยังพอต่อสายป่านเล็กๆ ให้ผู้ประกอบการสามารถประคองกิจการต่อไปได้ จนกว่าวัคซีนจะเห็นผลและเริ่มใช้กันเป็นวงกว้าง

ความท้าทายอีกประการ คือ การกลับมาระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่อาจจะส่งผลให้คนหยุดชะงักการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วประเทศ และเกาะสมุย ที่เพิ่งจะได้หายใจหายคอในช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมา ต้องกลับมาลุ้นกันอีกว่าจะไปจบในทิศทางใด

ปัจจัยบวกที่พอเห็นได้ในขณะนี้ คือ มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากภาครัฐบาลผ่านมาตรการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ซึ่งขณะนี้เพิ่มการอุดหนุนห้องพักจาก 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากธนาคารออมสิน ในส่วนของมาตรการกระตุ้นให้ท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ที่จะดำเนินการต่อ ทั้งการแจกเวาเชอร์ เพื่อให้มาเที่ยวมากขึ้น

ขณะที่การเดินทางไปเกาะสมุย ก็ลดแลกแจกแถมเต็มที่ โดยบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส สายการบินเดียวที่เดินทางไปยังเกาะสมุย จัดโปรโมชั่นบัตรโดยสารราคาพิเศษสำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-สมุย เริ่มต้นที่ 2,000 บาท ต่อเที่ยวบิน เดินทางได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 ก.พ. 2564

เกาะสมุยจึงรอความหวังจากคนไทยทุกคนมาช่วยกันปลุกให้เป็นแดนสวรรค์ของการท่องเที่ยวอีกครั้ง

พรเทพ อินพรหม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน