กว่า 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา หลายคนคงเฝ้าติดตามผลลัพธ์ของ “Phuket Sandbox” ว่าจะสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนหนึ่งยังมองแบบมีความหวัง เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนลมหายใจ เป็นบ้าน เป็นแหล่งรายได้ เป็นแทบทุกสิ่งในชีวิต ในขณะที่บางคน “ปิดตาย” ความหวังนั้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งประเทศยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ทั้งที่พยายามควบคุมกันอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม

สำหรับข่าวสารที่เรารับรู้กันส่วนใหญ่ มักเป็นไปในทางสร้างความกังวลมากกว่า แต่สำหรับผู้ที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่จะรู้สึกเช่นเดียวกันหรือไม่

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คนภูเก็ตเตรียมการเรื่อง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ มานานพอสมควรก่อนที่จะเปิดตัว ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีน ไปจนถึงมาตรการป้องกันต่างๆ และเมื่อมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ยกระดับมาตรการรองรับได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อยและสามารถควบคุมได้ ที่สำคัญคือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อเพียง 50 คนจากจำนวน 19,000 คนที่เข้ามาใน ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.จนถึงปัจจุบัน

“ในส่วนภาพรวมการผู้ติดเชื้อในปัจจุบันของภูเก็ต ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว บางคนลักลอบเข้ามาทางเรือ พร้อมนำเชื้อเข้ามาด้วย แต่ก็พยายามบริหารจัดการให้ได้ดีที่สุด โดยทางจังหวัดได้ปรับเรือนจำเก่าแยกให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ ประมาณ 500 เตียง ซึ่งจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาดได้อีกทางหนึ่ง” นายธนูศักดิ์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าของภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ในขณะนี้ ตัวเลขการจองห้องพักยังดีอยู่ ประมาณ 7,000-8,000 Room night ต่อวัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมประมาณ 19,000 คน กลับไปแล้ว 4,000 กว่าคน และยังคงอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 1.5 หมื่นคน ทั้งยังอยู่ในภูเก็ตและเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่นๆ อันหมายถึงเม็ดเงินที่ยังหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศไทย

นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว ภาครัฐและเอกชนกำลังหารือกันในการจัดกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดประชุมสัมมนา และอาจจะมีบิ๊ก อีเวนท์ ประมาณปลายปี 2564 นี้ แต่การจัดกิจกรรมเหล่านี้ได้ จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่ดี และทุกคนต้องช่วยกันจึงจะประสบความสำเร็จ

สิ่งที่ต้องช่วยกันผลักดันในขณะนี้ คือการรับรองวัคซีนสปุตนิกจากองค์การอนามัยโลก(WHO) หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพราะเป็นวัคซีนที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ได้รับ และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญเพิ่มเติมให้กับประเทศไทย โดยขณะนี้มีเที่ยวบินจากมอสโคไปยังอียิปต์ถึงวันละ 40 เที่ยวบิน หากเราได้นักเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มเติม จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

“นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกับกงสุลรัสเซียว่าต้องการบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยเบื้องต้นประมาณ 1 แสนโดส เพื่อเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับภูเก็ต ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์มากยิ่งขึ้น”นายธนูศักดิ์ กล่าว

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า หลายประเทศกำลังจับตามองผลลัพธ์ของภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ว่าจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด สำหรับหอการค้าไทย มองภาพรวมว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผู้ประกอบการพึงพอใจ มีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ และมีการแจ้งแรงงานเพิ่มมากขึ้น

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น เรื่องวัฒนธรรมการกินอาหารของบ้านเราที่มักกินรวมกัน ดังนั้น การไม่มีผู้ติดเชื้อเลยอาจเป็นเรื่องยาก เพราะการระมัดระวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด นอกจากนั้น ระบบสาธารณสุขจะต้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้

ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามานั้นถือว่าน่าพอใจ ไม่ต้องตั้งเป้าให้สูงมากจนเกินไป ค่อยๆ ขยับตัวเลขขึ้น ดีกว่าการปล่อยเข้ามาจำนวนมากแล้วควบคุมไม่ได้

สำหรับการขยายผลในโครงการสมุยพลัส (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ซึ่งรับนักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ต ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยเกาะสมุย มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วประมาณ 97% พะงัน 123% เกาะเต่า 128% หมายความว่ามีผู้ได้รับวัคซีนที่อยู่นอกเหนือจากทะเบียนบ้านได้รับวัคซีนด้วย สิ่งนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับการดำเนินธุรกิจ

ขณะที่ภาครัฐและเอกชนกำลังร่วมกันดำเนินการและทบทวนมาตรการต่างๆ เพิ่มเตรียมขยายผลไปยังพังงาและกระบี่ เพื่อเพิ่มเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น แต่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวทั้งประเทศอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากการกระจายวัคซีนในขณะนี้ยังไม่เร็วพอ คาดว่าอาจจะประมาณปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 การท่องเที่ยวของประเทศจึงจะกลับมาได้เป็นปกติ

กว่า 1 ปีครึ่งที่สถานการณ์โควิด-19 พรากเอาเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว ที่เคยเป็นรายได้หลักของประเทศออกไปจนหมด วันนี้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” จึงเป็นความหวังของ “ภาคการท่องเที่ยว” ที่มีทั้งธุรกิจและคนเกี่ยวเนื่องมากมาย เป็นประตูของประเทศไทยที่จะสร้างความเชื่อมั่นและเกิดเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศ

หากความหวังเล็กๆ นี้ประสบผลสำเร็จ จะเป็นต้นแบบให้กับการท่องเที่ยวในส่วนอื่นของประเทศได้ต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า หนทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ได้มาโดยง่ายดาย และต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ แต่เชื่อว่าระยะเวลาดังกล่าวนี้ “คุ้มค่า” ต่อการรอคอยแน่นอน

วรนุช มูลมานัส รายงาน

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน