หนสุดท้ายที่มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น คงต้องย้อนไปก่อนช่วง ‘โควิด’ เมื่อปี 2563 เพราะหลังจากการระบาดครั้งใหญ่ ก็ฉุดการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกให้หยุดชะงักลง
เพิ่งจะมีโอกาสหวนกลับไปเที่ยวอีกครั้งเมื่อ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Wacoal และ CW-X พาคณะสื่อมวลชนไปร่วมเชียร์นักวิ่ง พิชิตชัยงาน ‘เกียวโตมาราธอน 2024’ ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
ก่อนจะถึงวันงานวิ่ง คณะสื่อมวลชนมีโอกาสไปเยี่ยมชมและสัมผัสนวัตกรรมของแบรนด์วาโก้ชุดชั้นในอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ที่บริษัท วาโก้คอร์ปอเรชั่น
ทั้งการเยี่ยมชม Museum of Beauty ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงวิวัฒนาการของวาโก้ชุดชั้นในสัญชาติญี่ปุ่น ตั้งแต่รุ่นที่เก่าแก่ที่สุดและมีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
Advertisement
วันถัดมาคณะออกเดินทางจากโรงแรมในเมืองเกียวโต ไปชมความงดงามของ ‘ป่าไผ่อาราชิยามะ’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ มีลำธารใสไหลผ่าน ต้นไผ่ที่นี่แต่ละต้นมีขนาดใหญ่สูงทะยานชนิดแหงนคอตั้ง ลำต้นสูงตรงแกร่ง สีเขียวพลิ้วไหวยามลมพัดผ่าน
ใกล้กับป่าไผ่ยังมีป่ากิโมโน ซึ่งเป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น ทั้งหมด 600 ต้น ความสูงประมาณ 2 เมตร เสาแต่ละต้นถูกประดับไปด้วยลวดลายของกิโมโน 32 รูปแบบ เป็นดีไซน์ในสมัยเอโดะ
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ ศาลเจ้าชิโมะกาโมะ เกียวโต ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยในชื่อ ศาลเจ้าชิโมะกาโมะ หรือ ชิโมะกาโมะซัง เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งใน 17 อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก บริเวณโดยรอบของศาลมีความร่มรื่น เงียบสงบ
ศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวมักจะมาขอพรเรื่องความรัก เพราะเชื่อกันว่ามีเทพแห่งสายสัมพันธ์ Kami-Musubi สถิตอยู่ที่นี่ และภายในศาลเจ้านี้มีศาลย่อยๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งมีขนาดเล็กให้ได้เดินขอพรกัน
ส่วนใครที่เป็น ‘สายมู’ ไม่ควรพลาด เพราะศาลเจ้าแห่งนี้มีเครื่องรางที่มีความสวยงาม นักท่องเที่ยวที่มามักจะมาเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือจะพกติดตัวไว้เสริมสิริมงคลตามความเชื่อ
อีกหนึ่งไฮไลต์ของศาลเจ้าชิโมะกาโมะ ที่ใครมาเยือนก็ต้องไปลอง นั่นคือการ ‘เสี่ยงเซียมซี’ ซึ่งที่นี่มีเซียมซีอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เรียกว่า ‘เซียมซีล่องหน’ นักท่องเที่ยวที่มาต้องไปทำบุญเลือกแผ่นเซียมซีลวดลายสวยงาม
หลายคนอาจจะงงว่าทำไมเซียมซีที่นี่ไม่มีคำทำนาย ก่อนได้คำตอบว่าต้องนำแผ่นเซียมซีไปลอยน้ำ แล้วคำทำนายจะปรากฏขึ้น ถ้าไม่ดีก็ให้นำไปแขวนไว้ที่ราว คล้ายกับการเสี่ยงเซียมซีของไทย ที่ใบทำนายของใครไม่ดีก็ไม่ต้องนำกลับไป
ออกจากศาลเจ้าชิโมะกาโมะ รู้สึกหิวข้าวขึ้นมา ไกด์ของเราแนะนำให้ไปเดินช็อปปิ้งที่ ย่านซันโจ (Sanjo Street) แหล่งช็อปปิ้งที่เก่าแก่ที่สุดของเกียวโต ถนนที่มีซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดของสด ของที่ระลึก ให้ได้เลือกกันหลากหลาย
ย่านซันโจแห่งนี้มีจุดเด่นที่หลังคาทรงโดมลักษณะโปร่งแสงยาวไปตลอดทั้งย่าน
วันต่อมาคณะเข้าร่วมงานวิ่ง เกียวโต มาราธอน 2024 งานวิ่งระดับโลกที่มีชื่อเสียง สนับสนุนโดยวาโก้ และ CW-X มีนักวิ่งหลายหมื่นเข้าร่วมการแข่งขัน รวมถึงนักวิ่งมาราธอนจากไทย
รุ่งขึ้นเรานั่งรถบัสเดินทางต่อไปยังเมืองโอซาก้า ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
มาถึงโอซาก้า ต้องแวะไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ิ ศาลเจ้านัมบะยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) ศาลเจ้าอันโด่งดัง จุดเด่นคือตัวศาลเจ้าเป็นรูปหน้าสิงโต ใบหน้าถมึงทึงดูน่าเกรงขาม ตัวศาลมีความสูงประมาณ 17 เมตร เชื่อกันว่าปากของสิงโตจะช่วยขจัดสิ่งไม่ดีและนำโชคลาภมาให้ นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาขอพรให้สำเร็จสมหวังทั้งเรื่องการงานการเงิน และเรื่องต่างๆ
จุดหมายต่อไปที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด คือ ตลาดคุโรมง (Kuromon Market) ซึ่งเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารซีฟู้ด เมื่อเราเดินเข้าไปจะเจอกับร้านค้าละลานตา มีอาหารทะเลสดๆ ทั้ง กุ้ง หอย ปูยักษ์ ปลาทะเล วางขาย บางร้านมีเตาย่างอาหารทะเลแบบสดๆ ส่งกลิ่นหอมหวนไปทั่ว ซึ่งมีชนิดที่ทำสำเร็จแบบเสียบไม้ พร้อมกินในร้านได้ทันที
อีกหนึ่งจุดที่ใครมาโอซาก้า ต้องไปเช็กอินคือย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ย่านศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญของเมือง
วันที่คณะเราไปมีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินช็อปปิ้ง และชมแสงสีของอาคารที่ประดับประดาไฟสวยงาม ย่านนี้ถือเป็นเสน่ห์ของเมืองโอซาก้า เต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น แบรนด์เนมระดับโลก ให้ขาช็อปเลือกสรรกัน
ก่อนที่จะไปถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign) ป้ายไฟแอลอีดีขนาดใหญ่อันโด่งดัง ที่มีคนมาต่อแถวกันไม่ขาดสาย
เป็นการกลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งที่ ‘สุโค่ย’
ณัฐพงษ์ บุณยพรหม