วิกฤตการณ์ซีเรียที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว ถือเป็นวิกฤติทางมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แม้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านจะมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชนกว่า 18 ล้านคน ความสูญเสียจากสงครามทำให้ชาวซีเรียทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องประสบกับปัญหาที่คล้ายคลึงกันอย่างหนึ่ง คือ การขาดแคลนน้ำ

 

ในพื้นที่เมืองใหญ่ ๆ ของซีเรีย แหล่งน้ำต่าง ๆ มักถูกยึดโดยกลุ่มขัดแย้งและถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในการสู้รบ ก่อนหน้าที่จะมีการหยุดยิง รายงานขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ชี้ให้เห็นถึงวิกฤตน้ำอย่างต่อเนื่อง แหล่งน้ำ สถานีผลิตน้ำประปา และโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ประชากรได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างรุนแรง เช่นที่เมืองอเลปโป

การสู้รบที่ผ่านมายังทำให้ประชาชนถูกตัดไฟ ตัดน้ำ ขาดแคลนการซ่อมบำรุงระบบประปา และขาดแคลนสารคลอรีนทำน้ำสะอาดทั้งหมดนี้ทำให้ประชาชนต้องหาน้ำดื่มน้ำใช้ด้วยความยากลำบาก ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เด็กจำนวนมากเผชิญสถานการณ์ไม่ต่างจากฟาติมา ข้อมูลจากยูนิเซฟชี้ว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำยังส่งผลกระทบต่อการศึกษาและความปลอดภัยในชีวิตของเด็กอย่างที่คาดไม่ถึง เด็ก ๆ มักต้องเป็นผู้ออกไปหาน้ำและขนกลับมาให้ครอบครัว เพราะสามารถเดินผ่านจุดตรวจทางทหารได้ง่ายกว่า แต่สิ่งที่ครอบครัวต้องแลกคือ เด็ก ๆ ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปต่อแถวเติมน้ำก่อนที่น้ำจะหมด และต้องแบกถังน้ำหนัก ๆ ผ่านเส้นทางอันตราย มีรายงานว่าเด็กหลายคนต้องเสียชีวิตในขณะที่กำลังขนน้ำกลับบ้าน

 

นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจที่สุดที่จะต้องเห็นเด็กผู้บริสุทธิ์ต้องมาประสบกับความทุกข์ทรมานแบบนี้ปีแล้วปีเล่า พวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อจะได้เข้าถึงปัจจัยพื้นฐาน เช่น น้ำ อาหาร การรักษาพยาบาล และการศึกษา ความทุกข์เหล่านี้ควรจะสิ้นสุดลงเสียที เพราะเด็กก็คือเด็กไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เรามีหน้าที่ที่จะทำให้เด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับการดูแล ได้รับการศึกษาและการปกป้องคุ้มครอง”

ยูนิเซฟระบุว่า เป้าหมายการทำงานในปี 2560 นี้จะยังคงเน้นการช่วยให้เด็กและครอบครัวมีน้ำสะอาดไว้ดื่มใช้ เน้นเข้าถึงกลุ่มที่ยังอยู่ในพื้นที่ๆ ถูกโอบล้อมหรือเข้าถึงยาก โดยมีแผนจะเข้าถึงประชากรกว่า 19 ล้านคนในซีเรียและประเทศรอบๆ ผ่านการส่งรถบรรทุกน้ำเข้าไปในพื้นที่ และเร่งซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนสร้างแหล่งน้ำใหม่ ๆ ให้ประชาชน พร้อมจัดอบรมการดูแลสุขภาพและสุขอนามัยที่จำเป็นแก่เด็กและครอบครัว

 

แม้ยูนิเซฟจะเข้าไปช่วยซ่อมแซมระบบน้ำและจัดรถบรรทุกน้ำสะอาด หรือจัดส่งสารทำน้ำสะอาดชนิดเม็ดให้แก่ประชาชนในซีเรียกว่า 14 ล้านคนทุกเดือนเมื่อปีที่แล้ว แต่วิกฤตครั้งนี้ร้ายแรงมากและส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมหาศาล ปัญหาการขาดแคลนน้ำจึงคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสุขอนามัยของเด็ก ๆ เนื่องจากน้ำไม่สะอาดหรือสุขอนามัยที่ไม่เหมาะสมทำให้เด็ก ๆ ซึ่งเปราะบางอยู่แล้วเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อและโรคระบาดต่าง ๆ ได้

ขณะนี้ยูนิเซฟกำลังระดมน้ำใจจากชาวไทยผ่านโครงการ #ThaiforSyria เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวหลายล้านคน ทั้งที่อยู่ในประเทศซีเรียและประเทศรอบๆ ได้แก่ เลบานอน ตุรกี จอร์แดน อิรัก และอียิปต์ โดยพิมพ์ 100 ส่ง SMS ไปที่หมายเลข 4712225 เพื่อบริจาค 100 บาทช่วยเหลือเด็ก ๆ ในภาวะสงครามต่อการส่งข้อความหนึ่งครั้ง

 

 

โดยทุก ๆ 100 บาทสามารถซื้อสารทำให้น้ำสะอาดชนิดเม็ดที่ใช้เปลี่ยนน้ำสกปรกให้เป็นน้ำที่อุปโภคบริโภคได้กว่า 2,000 ลิตร ซึ่งมีความหมายกับชีวิตเด็กจำนวนมาก เพราะจะช่วยให้พวกเขารอดชีวิตได้ และทุก ๆ 500 บาท สามารถจัดซื้อถังเก็บน้ำขนาด 3,000 ลิตรเพื่อให้ครอบครัวขนาด 7 คนอยู่รอดได้เป็นเวลา 15 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน