คอลัมน์ อริยะโลกที่6
“พระครูสถิตสารคุณ” หรือ “หลวงพ่อแต้ม ฉันทสาโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง พระเถระผู้มีคุณธรรม บารมีธรรมและเมตตาธรรมสูงส่ง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองพัทลุงจนถึงทุกวันนี้ แม้ท่านละสังขารไปนานกว่า 17 ปี
มีนามเดิมว่า แต้ม แก้วทอง เกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2452 ที่บ้านท่าสำเภาเหนือ หมู่ที่ 7 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง
ชีวิตวัยเยาว์ เมื่ออายุ 7 ขวบ บิดานำไปฝากไว้กับพระอธิการเงิน เจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือในขณะนั้น และศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม จนสามารถอ่านออกเขียนได้
หลังอยู่กับพระอธิการเงิน เป็นเวลา 6 ปี จึงกลับไปอยู่ช่วยทำงานบ้าน และเมื่อบิดาถึงแก่กรรม จึงอยู่ช่วยมารดาทำงาน เลี้ยงน้องและครอบครัวเป็นเวลา 9 ปี
จนกระทั่งอายุ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ในปี 2474 ที่พัทธสีมาวัดท่าสำเภาเหนือ โดยมีพระครูอริยสังวร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดเปลี่ยน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการเงิน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทไป 7 วัน ปรากฏว่า พระแต้ม เกิดความคิดว่าจะขอลาสิกขาไปช่วยโยมแม่ทำงานที่บ้าน
แต่แล้วเมื่อท่านได้อ่านหนังสือไตรโลกวิธานที่ได้กล่าวถึงบุญกรรมและการเกิดมาลำบากยากจนและความทุกข์ของสัตว์โลก ทำให้ท่านเปลี่ยนใจอยู่ต่อ 1 พรรษา
Advertisement
จากนั้นร่วมกับพระภิกษุ 4 รูป สร้างกุฏิขึ้นใหม่ 1 หลัง และเมื่อครบพรรษาคิดว่าจะลาสิกขา แต่ท่านเจ้าอาวาสเกิดอาพาธหนัก
จึงขอร้องให้อยู่ช่วยดูแลวัด ท่านจึงอยู่ต่อ พร้อมทั้งได้ช่วยกันพัฒนาวัด สร้างหอฉันหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่ชำรุดใช้การไม่ได้
ต่อมา มีศึกษาธิการอำเภอมาเยี่ยมที่วัดและเห็นหอฉันที่กำลังสร้างใหม่ใกล้จะแล้วเสร็จ มีขนาดกว้างใหญ่ จึงได้ขอกับทางวัดให้ตั้งเป็นโรงเรียนประชาบาล ซึ่งทางวัดก็ยินดียกให้ พร้อมกับช่วยกันสร้างโต๊ะเก้าอี้ให้ทุกอย่างเท่าที่จะหามาได้
เมื่อเจ้าอาวาสวัดมรณภาพ ชาวบ้านท่าสำเภาเหนือได้ประชุมและลงมติให้พระแต้ม รักษาการแทนเจ้าอาวาส
สำหรับการศึกษาหาความรู้เรื่องพระธรรมวินัยหรือที่เรียกกันว่าการเรียนนักธรรม ในสมัยนั้นใช่ว่าจะหาที่เรียนง่ายเหมือนสมัยนี้ แต่ด้วยความพากเพียร
ท่านจึงได้เรียนพระปริยัติธรรม พ.ศ.2480 จนสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ที่ จ.นราธิวาส พ.ศ.2482 สอบได้นักธรรมชั้นโท ที่ จ.สตูล
พ.ศ.2487 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ
พ.ศ.2527 ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสถิตสารคุณ
มุ่งมั่นพัฒนาวัด โดยการปฏิสังขรณ์และก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ มากมาย อาทิ พ.ศ.2480 สร้างโรงครัวหอฉัน 2 หลัง พ.ศ.2485 สร้างกุฏิ 1 หลัง 2 ชั้น
พ.ศ.2498 สร้างอุโบสถ 1 หลัง พ.ศ.2538 สร้างศาลาการเปรียญ 1 หลัง
ส่วนงานด้านสาธารณประโยชน์ หลวงพ่อแต้มชักชวนชาวบ้านสร้างถนน สะพาน พ.ศ.2482 ได้จัดหาซื้อที่ดินสร้างวัดที่บ้านอ้ายน้อยและได้ตั้งชื่อวัดสุวรรณวิหารน้อย
พระครูสถิตสารคุณ มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 00.34 น. วันที่ 18 มกราคม 2544 ที่โรงพยาบาลพัทลุง ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาศิษยานุศิษย์ สิริอายุ 93 ปี พรรษา 73
หลังมรณภาพ วัดจัดทำเหรียญหลวงพ่อแต้มขึ้นมารุ่นหนึ่ง เป็นเหรียญเนื้อทองแดงรมมันปู เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2548 โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้เข้าร่วมพิธีปลุกเสก
ถึงแม้หลวงพ่อแต้มได้ละสังขารจากไป แต่คุณงามความดียังปรากฏอยู่สืบไป