เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนา พระธรรมวราลังการ ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า “พระพรหมวชิรานุวัตร ปริยัติกิจโกศล โสภณภารธุราทร ปสาทกรธรรมสาธกตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” สถิต ณ วัดบพิตรพิมุข วรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 8 รูป

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2565 ประกาศ ณ วันที่ 14 พ.ย.2565

พระพรหมวชิรานุวัตร (อาทร อินท ปัญโญ) พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูป ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา

ปัจจุบัน สิริอายุ 70 ปี พรรษา 50 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 3

มีนามเดิมว่า อาทร จีนอ่วม เกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2495 ที่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 5 ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี บิดา-มารดา ชื่อ นายเรืองและนางเกลื่อน จีนอ่วม

ในวัยเด็ก จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใน จ.สิงห์บุรี

อายุ 15 ปี เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2510 ที่วัดน้อยนางหงษ์ ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี มีพระเกศีวิกรม (สังวาล) วัดโพธิ์ชัย จ.สิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์

มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2513 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก สำนักเรียนคณะจังหวัดสิงห์บุรี

กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดแจ้งพรหมนคร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยมี พระครูวิจิตรธรรมศาสน์ (ระนาม) วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์จุน วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระศรีวราภรณ์ (อำพา) วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ศึกษาพระปริยัติธรรมเพิ่มเติม ครั้นสำเร็จชั้นเปรียญธรรม 5 ประโยค ขอเดินทางมาศึกษาต่อในระดับสูงที่เมืองหลวง โดยไปอยู่จำพรรษาที่วัดรวกบางบำหรุ ฝั่งธนบุรี พ.ศ.2526 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.2529 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ในนามวัดรวกบางบำหรุ สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ

ต่อมา พระเทพมุนี (ธีร์ มหาธีโร) เจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุข ในขณะนั้น นิมนต์ให้ย้ายมาอยู่ที่วัดบพิตรพิมุข เพื่อช่วยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม

ลำดับงานการศึกษา พ.ศ.2530 เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดบพิตรพิมุข พ.ศ.2537 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดบพิตรพิมุข

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2537 เป็นเจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร พ.ศ.2541 เป็นรองเจ้าคณะภาค 3 พ.ศ.2545 เป็นเจ้าคณะภาค 3

พ.ศ.2562 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พ.ศ.2565 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 3

นอกจากนี้ ยังเป็นกรรมการคณะกรรมการศูนย์ควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุสามเณร (ศตภ.)

พ.ศ.2545 ท่านได้สนับสนุนให้มีการเปิดโรงเรียนสหบาลีศึกษา ประจำจังหวัดลพบุรี วัดเสาธงทอง อ.เมือง จ.ลพบุรี

งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จัดให้มีการแสดงธรรมเทศนาในเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันธรรมสวนะเป็นประจำ แสดงธรรมอบรมประชาชนทั่วไปตามโอกาสอันสมควร นอกจากนี้ ได้ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตบพิตรพิมุข จัดโครงการนักศึกษาใหม่ใฝ่ธรรมะ อบรมธรรมะแก่นักศึกษา

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิพงศ์ พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติดิลก พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติสุธี

พ.ศ.2552 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปริยัติโมลี

ล่าสุด วันที่ 15 พ.ย.2565 ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่พระพรหมวชิรานุวัตร

สนับสนุนการศึกษาสงเคราะห์ของวัดบพิตรพิมุข จัดตั้งทุนการศึกษาสงเคราะห์พระภิกษุสามเณร และนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในสถาบันการศึกษาทั่วไปตามมติมหาเถรสมาคมอีกด้วย

เป็นพระเถระรูปที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นนักปราชญ์ ในเรื่องการบริหารการปกครอง เป็นที่เคารพนับถือ

ด้วยหลักใหญ่ใจความอยู่ที่การศึกษา ที่ทุ่มเทเป็นชีวิตจิตใจและรับผิดชอบมายาวนาน ส่งผลให้มีผู้สอบได้เปรียญธรรมทุกปี

สร้างศาสนทายาทให้พระพุทธศาสนามาตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน