“วงค์ ตาวัน”

ตอนที่เกิดเหตุเมื่อต้นปี 2560 ทั่วทั้งสังคมไทยแบ่งฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์คดีลุงวิศวะยิงปืนใส่วัยรุ่นที่บุกมาล้อมรถ จนทำให้เด็กวัย 17 ปีถูกกระสุนปืนถึงแก่ชีวิต โดยคนที่เสียงดังๆ โดยเฉพาะดารานักแสดง ต่างสนับสนุนว่าถูกต้องแล้วที่จะต้องยิงเพื่อป้องกันตัว จะปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นมาทำร้ายคนทั้งรถจนเจ็บตายได้อย่างไร

การถกเถียงกันตอนนั้น ฟังแล้วก็น่าหนักใจ เพราะมีแนวโน้มจะสนับสนุนการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

ที่สำคัญสะท้อนว่าคนในสังคมเรา ชอบที่จะใช้ความรุนแรงเด็ดขาดเพื่อจบปัญหา

มิน่าถึงเชียร์ให้รัฐประหาร เวลาการเมืองขัดแย้งกัน

จนมาล่าสุด ศาลได้มีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว โดยสั่ง จำคุกลุงวิศวะเป็นเวลา 10 ปี และมีโทษปรับ พร้อมทั้งเงินชดใช้ด้วย

โดยศาลชี้ว่า ลุงวิศวะมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

รวมทั้งมีลักษณะสมัครใจร่วมทะเลาะวิวาท มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ไม่ถือว่าเป็นการใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว!

เมื่อมีคำพิพากษาออกมาแล้วเช่นนี้ คงเตือนสติคนทั้งสังคมได้เป็นอย่างดี

หากอ่านรายละเอียดของคำตัดสินก็จะรู้ได้ว่า แม้เหตุการณ์จะเหมือนการชุลมุน

แต่ฝ่ายผู้ตายและพวก ยังไม่ได้ทำอันตรายต่อคนอื่นๆ ภายในรถ ทั้งแม่ ทั้งภรรยา และหลาน ที่ลุงวิศวะอ้างว่าจำเป็นต้องปกป้อง

รวมไปถึงการเตรียมพร้อมที่จะใช้ปืนเพื่อยิงต่อสู้กับพวกวัยรุ่น โดยปรากฏจากในคลิป

พฤติกรรมถือว่าขาดความยับยั้งชั่งใจ

นำมาสู่บทสรุปของความผิดฆ่าคนตายโดยเจตนา

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ก็ยังมีขั้นตอนศาลอุทธรณ์ ไปจนถึงศาลฎีกาอีก คงต้องรอฟังกันต่อไป ว่าอีก 2 ศาล จะเห็นต่างหรือเห็นพ้องกับคำพิพากษาชั้นต้นนี้

แต่ในส่วนของคนทั่วทั้งสังคม ที่สนใจในเหตุการณ์นี้อย่างมาก เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความเห็นกันอย่างดุเดือดในช่วงนั้น

เมื่อได้ฟังคำพิพากษาชั้นต้นนี้แล้ว คงทำให้ฉุกคิดอะไรได้มากมาย!

ในแง่ข้อกฎหมาย การยิงปืนแบบนี้จะอ้างว่าเพื่อป้องกันตัวนั้น ปรากฏว่าไม่ได้

จุดสำคัญที่สุด ศาลยังได้ชี้ให้เห็นว่า การพกพาอาวุธปืนของจำเลยไม่มีเหตุอันควร

ประเด็นนี้สำหรับประชาชนที่มีปืน มีใบอนุญาต มีใบพกปืนได้ ต้องฟัง

ควรจะพกพาไปในกรณีที่จำเป็นเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น เช่น ไปทำธุรกิจ ต้องพกของมีค่า

แต่ถ้าไม่จำเป็น แล้วดันมีอยู่ใกล้มือ ก็อาจจะนำมาซึ่งการใช้โดยขาดเหตุผลและความยับยั้งชั่งใจ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน