ทั้งกลาโหม-หน.พรรค – การกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจากจะต้องเจอกับสถานการณ์หลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากยุคที่ผ่านมา โดยไม่มีฐานะหัวหน้าคสช. ไม่มีดาบ ม.44 ต้องเจอกับศึกการเมืองในสภาผู้แทนฯ ไม่ใช่สภาฝักถั่วแบบเดิมๆ แล้ว

อีกประเด็นที่น่าจับตามองคือ เมื่อพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มต้องลดบทบาทลงด้วยปัญหาสุขภาพ

ภาระหลายอย่างจะต้องมาตกหนักที่นายกฯ แทน

เช่น มีแนวโน้มว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นทั้งนายกฯและควบรัฐมนตรีกลาโหมเอง

ส่วน พล.อ.ประวิตร ถอยไปนั่งเก้าอี้รองนายกฯ แค่ตำแหน่งเดียว แต่ก็ยังคุมงานด้านความมั่นคง และ ยังกำกับงานตำรวจอยู่

การที่นายกฯ ต้องไปดูกลาโหมแทนนั้น อาจจะดูแล้วยิ่งหนักแน่นแข็งแกร่ง โดยฐานทางกองทัพขึ้นตรงกับนายกฯ

แต่มองอีกด้าน เท่ากับว่า ต่อไปนี้จะไม่มีบิ๊กป้อม มารับหน้าแทนอีกแล้ว!?!

หากเกิดเสียงวิจารณ์ใดๆ ที่เชื่อมโยงกับกองทัพ จากนี้ไปนายกฯ ก็ต้องรับหน้าเองเต็มๆ

เช่น กรณีกองทัพยังจะต้องมีเรื่องการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยเงินงบประมาณสูงลิ่ว

หรือหากมีกรณีบทบาททหารกับประชาธิปไตย อะไรเหล่านี้

ต้องยอมรับว่า 5 ปีที่ผ่านมาในยุครัฐบาลคสช.นั้น บิ๊กป้อมนี่แหละที่ต้องแอ่นอกรับแทนนายกฯ ในหลายเรื่อง

ถึงเวลาที่บิ๊กตู่ต้องรับด้วยตัวเองแล้ว!

อีกเรื่องที่กำลังเป็นข่าว กรณีการเปลี่ยนหัวหน้าและปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ด้วยปัญหามุ้งต่างๆ ทะเลาะกันเละเทะในช่วงเจรจาแบ่งเค้ก ทำให้เกิดบทสรุปว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่สามารถคุมเกมได้

ต้องคนมีอำนาจตัวจริงโดดมาคุมเอง

ข่าวว่าทีแรกก็จะให้บิ๊กป้อมมาเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากกว้างขวางในแวดวงการเมือง ทั้งสามารถเจรจาต่อรองและทุบโต๊ะได้

แต่ก็ปัญหาสุขภาพนั่นเอง

ทำให้บิ๊กป้อมขอยกเก้าอี้หัวหน้าพรรคให้กับบิ๊กตู่ โดยยังช่วยประคับประคองให้ด้วยการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

ดังนั้นนอกจากบิ๊กตู่ต้องเป็นนายกฯ ควบกลาโหมแล้ว ยังต้องเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเองด้วย

ต้องแบกทั้งงานรัฐบาลและงานพรรค

แล้วยังต้องรับแรงปะทะจากทุกทิศด้วยตัวเองอีกด้วย

เตรียมตัวบอบช้ำเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย!