ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

คดีฆาตกรรมปริศนา 3-4 ศพ ในพื้นที่ปทุมธานีและในกทม. โดยพฤติกรรมคล้ายฆาตกรต่อเนื่อง เพราะเหยื่อถูกมัดมือไพล่หลังและปาดคอเหมือนกัน อีกทั้งโดยประวัติของผู้ถูกสังหาร ไม่พบประเด็นสาเหตุอะไรที่แน่ชัด บางรายเป็นแค่คนเร่ร่อนเก็บของเก่าขายเท่านั้น

คดีนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายชาวพม่าชื่อนาย จิมมี่ ซึ่งก็คนต่างด้าวเร่ร่อนอีกเช่นกัน

จับตามพยานหลักฐานคือ ภาพถ่ายจากวงจรปิด ที่พบว่าขี่จักรยานอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุในช่วงเวลานั้น อีกทั้งมีพยานบุคคลที่ชี้ตัวยืนยันด้วย

แต่นายจิมมี่ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า

ยอมรับเพียงว่าตนเองคือคนในภาพวงจรปิดจริง แต่ไม่ใช่ผู้ลงมือฆ่าแต่อย่างใด

ลงเอยตำรวจจึงต้องรอผลชี้ขาด จากการตรวจคราบเลือดและดีเอ็นเอ!

โดยเป็นคราบเลือดที่เปื้อนเสื้อของนายจิมมี่ และดีเอ็นเอบนสายไฟที่ใช้มัดมือเหยื่อ

ล่าสุดผลคราบเลือดและดีเอ็นเอที่ส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน ปรากฏผลว่า ตรงกับนายจิมมี่จริงๆ

เช่นนี้แล้วก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ที่จับมานั้นไม่ใช่แพะ

ทั้งเป็นพยานหลักฐานอันเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ใช้ตั้งข้อกล่าวหาได้หนักแน่น

รวมทั้งอาจนำไปใช้สอบสวนนายจิมมี่อีกรอบว่า จะยอมรับหรือยังยืนยันปฏิเสธ

ถ้ายอมรับก็อาจได้รู้สาเหตุของการฆ่า

มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน หรือทำไปด้วยอาการทางจิตหรือไม่!?

คดีนี้ถือเป็นคดีแปลกๆ อีกคดีหนึ่ง เริ่มจากเหยื่อที่ถูกฆ่านั้น ไม่ได้มีหลักแหล่งและไม่ได้มีปมประเด็นอะไรให้ต้องมาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม

ตัวนายจิมมี่เมื่อถูกจับได้ ก็น่าปวดหัวไปอีกแบบ เพราะก็คือคนเร่ร่อนแถมเป็นต่างด้าว ค้นหาอะไรที่ชัดเจนในตัวค่อนข้างยาก คำพูดจาก็หาอะไรมารองรับไม่ได้ พยานบุคคลในคดีนี้ ก็ไม่ได้หนักแน่นเป็นระบบมากนัก

ยังดีที่โลกพัฒนาไปมาก ระบบการสืบสวนสอบสวนของตำรวจยุคนี้ ต้องมีนิติวิทยาศาสตร์รองรับ

เรื่องจะเอาตัวผู้ต้องสงสัยมากระทืบให้สารภาพนั้น เป็นอดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว!

อีกทั้งสุดท้ายตัดสินกันที่ผลตรวจทางวิทยาศาสตร์

วันนี้อาจจะยังมีตำรวจแอบจับแพะจับแกะอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ภาพรวมของวงการอีกแล้ว

เพราะตำรวจก็ต้องก้าวไปตามระบบสากลที่พัฒนาไปมาก

ตำรวจก็ปฏิรูปของเขาเองไปตามความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา

คนไม่รู้เรื่องตำรวจจริงอย่าไปคิดปฏิรูปแทนให้วุ่นวายอยู่เลย!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน