ชกไม่มีมุม – จับตาเวทีสภา ทางออกหรือทางตัน
วงค์ ตาวัน
ชกไม่มีมุม – จับตาเวทีสภา ทางออกหรือทางตัน – จากเดิมทีที่มีความหวังกันว่า การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่ออภิปรายหาทางออกให้กับประเทศในสถานการณ์การชุมนุมประท้วง น่าจะเป็นเรื่องดี น่าจะเป็นเวทีที่ช่วยคลี่คลายความร้อนแรงได้
แต่ก็เริ่มมีข้อสังเกตถึงท่าทีของฟากรัฐบาลและส.ว. ไม่ได้มีลักษณะเปิดหูเปิดตาเปิดใจ รับฟัง หรือถกเถียงอย่างเป็นเหตุผล
พรรคฝ่ายค้าน เริ่มบอกกล่าวกับสังคม ให้จับตาดูว่า จะเป็นการอภิปรายเพื่อมุ่งโจมตีใส่ร้ายผู้ชุมนุมประท้วงหรือไม่!?
ทั้งเพื่อฟอกตัวให้กับผู้นำรัฐบาล
รวมทั้งเพื่อปลุกเร้าอารมณ์มวลชนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล เพื่อให้ลุกฮือขึ้นมาตอบโต้ฝ่ายนักเรียนนักศึกษา
น่าเป็นห่วงอย่างมากว่า จะปลุกกันจนนำไป สู่บรรยากาศขัดแย้งรุนแรง เหมือนเหตุการณ์ ร้ายแรงในอดีตหรือไม่?
การปะทะกันที่รามคำแหงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างของการใช้อารมณ์ใช้กำลังที่น่าห่วงใย
ฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ อีกฝ่ายเด็กนักเรียน เนตรนารี นักศึกษา
ตีกันเสร็จ มีโฆษกทีวีรัฐออกมาโหมกระแส เพราะโดนด่ายั่วยุก่อน ทั้งที่ต้องเรียกร้องห้ามปราม ไม่ใช่ช่วยหาเหตุผลมารองรับการใช้ความรุนแรง
ถ้าเป็นยุคก่อนก็วิทยุยานเกราะดีๆ นี่เอง
กระบวนการแบบนี้ ทำให้เห็นมาแล้ว วิชาเก่าแก่ ในยุคปลุกขวา มาพิฆาตซ้าย
ต้องดูกันว่า การประชุมอภิปรายในวันนี้พรุ่งนี้ ฝ่ายรัฐบาลจะใช้เวทีสภา เล่นบทผู้นำขวาจัดหรือไม่!?!
ระหว่างการถกเถียงข้อเรียกร้องของเยาวชนนักเรียนนักศึกษา คัดง้างด้วยข้อมูล ด้วยเหตุผล กับการสร้างประเด็นปลุกเร้าเพื่อมุ่งทำลายล้างนั้น แตกต่างกันแน่นอน
หวังว่า คงไม่เกิดภาพ อภิปรายจนน้ำลายฟูมปาก ตาขวาง อย่างกระหายเลือด อะไรแบบนั้นเลย
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนสูงวัยในโลกเก่า มักไม่เข้าใจว่า โลกหมุนไปไกลมากแล้ว ยังคิดจะจัดการคนคิดต่าง ด้วยกระบวนการเหมือนเมื่อ 40 กว่าปีก่อน!
ทั้งที่เด็กยุคนี้ รอบรู้ ฉลาดหลักแหลม มากด้วยอาวุธทางปัญญา มีโลกดิจิตอล เป็นเครื่องมือที่มากด้วยประสิทธิภาพ
ใครอภิปรายใส่ร้ายเลอะเทอะ จะโดนโต้แย้งอย่างทันควันและหนักหน่วง
ดังจะเห็นได้ว่า ระยะ 2-3 เดือนที่ผ่าน คนรุ่นใหม่แสดงให้เห็นแล้วว่า ทรงพลัง ทั้งในออนไลน์และบนท้องถนน
อย่าให้ความเป็นสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ สูญเสียไป ในท่ามกลางการอภิปรายวันสองวันนี้เลย
ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง จะต้องเป็นที่จดจำจารึกไปอีกนาน
การประชุมรัฐสภา ควรเป็นเวทีดับไฟ ราฟืนราไฟ มากกว่าจะเติมไฟให้ยิ่งไหม้ท่วม!
