เมื่อป๋าเปรมออกปากเตือนเรื่องกองหนุนเริ่มหมด นำมาสู่การตีความหลายด้าน แต่ที่แน่ๆด้านหนึ่งก็คือ บรรดาพวกที่ร่วมเป็นกองหนุน พวกที่เป็นกองเชียร์ ตอนนี้เริ่มเล่นบทไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลคสช.ไปตามๆ กัน
โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะเริ่มรู้สึก ไม่อยากร่วมรับผิดชอบในผลที่เข้าไปร่วมกระทำการเชื้อเชิญทหารให้เข้ามา ปกครองบ้านเมืองเมื่อปี 2557
เนื่องจากสถานการณ์ในวันนี้บ่งบอกว่า 3-4 ปี มานี้ มีแต่เรื่องถดถอยไปทุกด้าน
ที่ว่าจะปฏิรูปสิ่งนั้นสิ่งนี้ เกิดอะไรใหม่ขึ้นมาบ้าง
หนักหนาสาหัสคือปัญหาเศรษฐกิจการค้า และปากท้องประชาชน
ส่วนเป้าหมายใหญ่ที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ปี 2557 นั้น คือ การสร้างความปรองดอง สลายความขัดแย้งทุกสีทุกขั้ว
ไปๆ มาๆ กลายเป็นคู่กรณีเป็นคู่ร่วมขัดแย้งไปเรียบร้อยแล้ว!
ไม่มีสถานะคนกลางที่จะมาสร้างความรักความ สามัคคีได้
แถมกำลังเตรียมตัวที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปหลังเลือกตั้งสมัยหน้า
เท่ากับไม่เหลือกรรมการกลางอีกแล้ว!
เพราะที่เคยบอกว่าจะเป็นกรรมการ ลงเอยก็โดดไปเป็นผู้เล่นเต็มตัว
ดังนั้นบรรดากองหนุน บรรดากองเชียร์ จึงพากันเริ่มแสดงความไม่ขอร่วมรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง!
บ้างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์คสช.อย่างรุนแรง เพื่อลบภาพที่ ไปร่วมกระทำ
แต่พร้อมๆ กันต้องเคียงคู่กับโจมตีรัฐบาลเลือกตั้ง ด้วยคำพูดทำนองว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการเสียงข้างมาก ที่สมควรจะถูก ล้มไปแล้ว
ทีรัฐบาลเลือกตั้งเรียกว่าเผด็จการเสียงข้างมาก แต่รัฐบาลที่ไปร่วมเชิญเขาเข้ามา โดยวิธีเปิดทางให้ยึดอำนาจ กลับไม่พูดว่าเป็นเผด็จการ
แต่จุดสำคัญก็คือ พยายามจะปัดความรับผิดชอบว่า ตอนนั้นจำเป็นต้องล้มรัฐบาลเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะให้รัฐบาลทหารเข้ามาปกครองอะไรแบบนี้
บ้างก็ออกตัวว่า ที่ออกไปร่วมเป่านกหวีดในวันนั้น เพื่อจะไล่รัฐบาลนักการเมืองชั่วร้าย แต่ไม่ได้เรียกทหาร!?!
สร้างวาทกรรม ออกไปไล่ ไม่ได้เรียก เป็นการปัดกันแบบซื่อตาใส
ก็ถ้ารัฐบาลเลือกตั้งเขายอมยุบสภา เพื่อให้เลือกตั้งใหม่ แล้วบอกว่าไม่เอาเลือกตั้ง เท่ากับเป่านกหวีดเรียกทหารนั่นเอง ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้
แต่กระนั้นก็ตาม ยังน่ายินดีที่ไม่หลับหูหลับตา ต่อปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นจริงในบ้านเมืองเราวันนี้
เพียงแต่ต้องย้ำเตือนว่า การแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นต้อง ยึดประชาธิปไตยให้คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมเรียนรู้และร่วมพัฒนา
ไม่เชื่อลัทธิล้าหลังอัศวินม้าขาวและคนหยิบมือเดียวอีกแล้ว!