“วงค์ ตาวัน”
เทศกาลตรุษจีนที่เพิ่งผ่านพ้นไป เต็มไปด้วยความเงียบเหงาซบเซา บ่งบอกสภาพความฝืดเคืองด้านเงินทองของผู้คนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะร้านค้าย่านเยาวราช ไชน่าทาวน์แท้ๆ ถึงกับขึ้นป้ายปีนี้งดแจกอั่งเปา เพราะเศรษฐกิจไม่ดี
ตัวเลขการจับจ่ายหมูเห็ดเป็ดไก่ไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้ ก็น่าจะเป็นดัชนีชี้วัดได้อีกทางหนึ่ง
รวมไปถึงการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อเพชรทองข้าวของและการท่องเที่ยว ก็น่าจะบ่งชี้ได้ชัด
พูดง่ายๆ ว่า คงมีแต่ระดับ “หมวดมานัส” เท่านั้นแหละ ที่มีกำลังความสามารถในการแจกอั่งเปา จนมีตำรวจชั้น ผู้น้อยไปยืนต่อแถวรับกันอย่างยาวเหยียด
ตอนนี้ก็เลยโดนสอบโดนเชือดกันระนาว!
ปัญหาเศรษฐกิจเงินทองของประชาชนคนไทยมาจากอะไร
มาจากเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี หรือมาจากการเมืองไทยที่ไม่กลับสู่ความเป็นปกติเสียที
คงไม่ต้องตอบคำถามอะไรกันมากอีกแล้ว
จึงบอกได้ว่า คนอยากเลือกตั้ง ไม่เพียงแค่กลุ่มนักศึกษาปัญญาชนที่ออกมาชุมนุมเป็นระยะๆ เท่านั้น
คนทำมาค้าขาย ชาวบ้านทั่วไปที่ได้รับผลกระทบด้านปากท้องก็ด้วย
ล้วนต้องการให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ให้การ เลือกตั้งกลับคืนมา เพราะการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้ธุรกิจการค้าทั้งภายในประเทศและข้ามประเทศกระทบไปหมด
ปัญหาเหล่านี้ทุกคนล้วนรู้ดี เพราะชีวิตคนไทยผ่านการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วมากมายหลายหน!
ทุกครั้งเมื่อทหารเข้ายึดอำนาจ ล้มประชาธิปไตย เกิดอะไรขึ้นตามมา เข้าใจกันดีถ้วนหน้าอยู่แล้ว
ดังนั้น ในทุกครั้งคณะรัฐประหารก็จะรีบถอยกลับกรมกองภายในปีสองปี ด้วยรู้ดีว่า ไม่สามารถแบกรับปัญหาทางเศรษฐกิจที่จะตามมาได้
มาหนนี้แหละ ที่อยู่มาแล้วจะครบ 4 ปี กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ไม่รู้จะไปถึง 5 หรือ 6 ปี
เตรียมตัวเตรียมใจกันเอาไว้ได้เลย กับภาวะข้าวยากหมากแพง
แล้วถ้าจะถามว่า ทำไมจึงยังลังเลไม่ตัดสินใจวันเลือกตั้ง
ตอบให้หรูหน่อยก็ว่า เพราะยังปฏิรูปไม่เสร็จสิ้นครบถ้วน อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้งเลย!?!
แต่ถ้าตอบให้ปกติก็ต้องว่า แนวโน้มผลการเลือกตั้ง น่าเป็นห่วงว่า ฝ่ายพรรคตรงข้ามกับอำนาจปัจจุบันยังจะกลับมาชนะเหมือนเดิม
อธิบายให้ดูหรูหราต่อไปว่า ถ้ารีบเลือกตั้ง บ้านเมืองก็จะวนกลับไปเหมือนเดิม เดี๋ยวก็ขัดแย้งแตกแยกกันอีก
อธิบายให้ปกติก็คือ อุตส่าห์ยึดอำนาจมาหลายปี สุดท้ายฝ่ายนั้นก็ยังครองความนิยมจากประชาชนอยู่เหมือนเดิม ก็คงชนะเลือกตั้งเหมือนเดิม
ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกวันเลือกตั้งไม่ได้ เป็นเช่นนี้เอง!