ถ้าดูจากตัวเลขจำนวนสส. ในทันทีที่พรรคเพื่อไทยเปิดแถลงจับมือร่วมกับภูมิใจไทย รวมเป็น 212 เสียง ประกาศเป็นตัวเลขตั้งต้นในการตั้งรัฐบาลใหม่ จะมีผลที่ตามมาอย่างชัดเจนว่า ขั้วพรรครัฐบาลเดิมที่มี 188 เสียงนั้น จะลดเหลือ 117 เสียง

ขั้วเดิมที่ยังมีพลังประชารัฐ มีรวมไทยสร้างชาติ และอื่นๆ จะเหลือ 117 เสียง เมื่อไปรวมกับ 250 สว. จะไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ 2 สภา

จะไม่สามารถโหวตตั้งนายกฯ รัฐบาลเสียงข้างน้อยได้อีกแล้ว

จึงเป็นไปได้ว่า การชิงประกาศจับมือของเพื่อไทยและภูมิใจไทย ก็คือ การหยุดกระแสข่าวที่ว่า นายกฯ จะเป็นลุงอย่างได้ผล

เพราะอีกขั้วจะหมดโอกาสชิงเป็นนายกฯ ชิงเป็นรัฐบาล

ตัวเลข 212 เป็นการกุมสิทธิ์ในการตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกน!

ขณะที่ยังไม่มีใครรู้ว่า การโหวตนายกฯ จะนัดหมายได้ในวันไหน

เพราะต้องรอวันที่ 16 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำร้องกรณีรัฐสภามีมติห้ามเสนอชื่อผู้จะเป็นนายกฯ ได้ซ้ำสอง ถือเป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่

ต้องรอฟังศาลรัฐธรรมนูญในวันนั้นเสียก่อน จึงจะรู้ว่าสามารถนัดโหวตนายกฯ ได้เมื่อไหร่

อีกทั้งหากศาลรัฐธรรมนูญมีมติจะรับคำร้องนี้ไว้พิจารณา ก็ต้องดูอีกว่าจะมีคำสั่งให้ชะลอการโหวตนายกฯ ไปก่อนด้วยหรือไม่

ยังมีโอกาสที่การโหวตนายกฯ อาจจะต้องยืดต่อไปอีกนับเดือนก็เป็นได้!?!

เอาเป็นว่า ต้องรอฟังวันที่ 16 สิงหาคมเป็นสำคัญ

จะนัดโหวตนายกฯ ได้หลังจากนั้นอีก 3-4 วัน หรือต้องยาวไปอีก เอาไว้ถึงกลางเดือนนี้คงได้รู้กัน

ในช่วงเวลาที่ยังไม่แน่นอน การประกาศเสียงตั้งต้น 212 จึงน่าจะช่วยให้รัฐบาลใหม่มีความแน่นอนในระดับหนึ่ง

แม้ว่าการประกาศจับมือกันตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยและภูมิใจไทย จะทำให้กระแสโจมตีโหมฮือขึ้นมาทันที

เพราะเป็นการเดินหน้าตั้งรัฐบาล ที่ไม่มีก้าวไกลอย่างแน่นอน

คนที่คาดหวังการเมืองใหม่ จึงรับไม่ได้ พร้อมกับม็อบเด็กรุ่นใหม่ก็บุกไปถึงพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าจะอย่างไร เพื่อไทยก็เลือกแล้วว่าจะต้องเดินหน้าตั้งรัฐบาล โดยต้องปล่อยมือก้าวไกล

จากนี้ไปคงได้เห็นพรรคอื่นๆ ทยอยเข้ามาเติม เพื่อทดแทน 151 เสียงที่หายไป

สิ่งที่เพื่อไทยต้องเผชิญ ก็คงเป็นเสียงความผิดหวังของคนจำนวนมากที่ต้องการให้จับมือกับก้าวไกล

ลงเอยโฉมหน้ารัฐบาลต้องทำให้มีเสียงยี้น้อยที่สุด!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน