เป็นอันว่า ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าเศษๆ ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ห้องผู้ป่วยชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ คงจะไม่มีใครพูดถึงต่อไปอีก เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร เก็บข้าวของกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าไปเรียบร้อยแล้ว
จากสภาพในขณะเดินทางออกจากโรงพยาบาล ซึ่งมีอุปกรณ์พยุงคอ พยุงแขน แม้จะโดนโจมตีว่าจัดฉากหรืออะไรก็ตามที แต่เท่ากับว่า จากนี้ไปก็คงจะยังสงบเงียบอยู่ในบ้าน
ทำนองว่ายังต้องไปพักรักษาตัวต่อไปอีกระยะ
ถ้าทักษิณ เล่นบทเก็บตัวเงียบเชียบ ก็จะไม่มีแรงกระเพื่อมทางการเมืองใดๆ
ขณะเดียวกัน ถ้าย้อนกลับไปเมื่อวันเดินทางกลับมาถึงไทย 22 สิงหาคม 2566 ได้เห็นหน้าตา โบกไม้โบกมือ แล้วหลังจากนั้นเข้าไปรักษาตัวที่ชั้น 14 ก็ไม่มีการปรากฏตัวใดๆ
ไม่ปรากฏเป็นข่าว ไม่มีความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น มาตลอด 6 เดือน!
แน่นอนว่าเมื่อต้องพักรักษาตัว ก็คงจะเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้
จากนี้ไปเมื่อกลับบ้านแล้ว ก็คงไม่เป็นข่าวไปอีกระยะ เพราะยังต้องไปรักษาตัวต่อไป
*จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเริ่มปรากฏกาย เริ่มมีความเคลื่อนไหว คงเป็นที่จับตา ถ้าเผลอพลั้งมีความเห็นทางการเมือง หรือต่อการบริหารงานรัฐบาล ก็คงโดนไปขยายความในทันที!*
แต่ถ้าสรุปบทเรียน วางตัวใหม่ วางบทบาทใหม่ให้เหนือชั้น พูดจาถึงปัญหาบ้านเมืองแบบผู้หลักผู้ใหญ่ รวมทั้งอาจจะขยับไปทำงานในอีกระดับ
ก็จะลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การขยายความเพื่อกระทบไปถึงรัฐบาลเพื่อไทยลงไปได้!!
ขณะที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เดินเครื่องทำงาน เปิดประตูประเทศ ปลุกการค้าการลงทุน ตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มมีผลงอกเงยตั้งแต่กลางปีนี้ ปลายปีนี้
จะเริ่มเห็นการฟื้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องเป็นราว
ถ้าไม่มีการจุดประเด็นการเมืองมาตัดแข้งตัดขานายกฯ เศรษฐา ก็น่าจะเดินหน้าในการแก้ปากท้องประชาชนได้อย่างเต็มกำลัง!
แต่ก็เป็นไปได้มากว่า คงจะมีผู้จุดกระแสประเภท เจ้าของพรรคตัวจริงมาแล้ว กำลังจะเปลี่ยนนายกฯ ให้อุ๊งอิ๊งมาแทน ก็คงจะต้องโหมกันเป็นระยะๆ
อาจจะมีผลปั่นป่วนบ้าง
ยกเว้นอดีตนายกฯ ทักษิณ และนายกฯ ปัจจุบันคือเศรษฐา รับมือกระแสป่วนเหล่านี้ได้ดี
ไม่ทำให้มีการขยายความจนสับสน ก็คงจะซาไปไม่ยาก
บทวิเคราะห์ที่ว่า จะเปลี่ยนนายกฯ แทนเศรษฐา ก็คงจะต้องวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ จนครบ 4 ปี!!
เอาเป็นว่า วันนี้ชั้น 14 ปิดฉาก หมดบทบาทในกระแสข่าวแล้ว
บ้านจันทร์ส่องหล้าจะโดนจับจ้องแทน โดยเชื่อว่าทักษิณคงสรุปบทเรียนเล่นบทใหม่ที่ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมใดๆ!
วงค์ ตาวัน
