“วงค์ ตาวัน”

เป็นอีกคดีดังที่เขย่าขวัญสุภาพสตรี เมื่อเกิดเหตุนักร้องสาวใช้บริการรถแท็กซี่ตอนดึกดื่นเพื่อจะกลับที่พัก แล้วเผลอหลับไปบนรถ เมื่อตื่นมาอีกทีพบว่าตัวเองอยู่ภายในโรงแรมม่านรูด โดยโชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวอยู่ในสภาพเปลือยกาย แต่ยังดีที่หญิงสาวรู้สึกตัวทันท่วงที เลยเอาตัวรอดได้

ขณะที่ตำรวจนครบาล นำโดยพล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น.มือสืบสวนปราบปราม คลี่คลายคดีได้ฉับไว

ระดมตรวจสอบหาเบาะแสและจับกุมโชเฟอร์แท็กซี่รายนี้ได้อย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่า เมื่อเหตุการณ์ยังไม่ลุกลามถึงขั้นล่วงละเมิดทางเพศ

ฝ่ายผู้ต้องหา ก็ยังมีข้ออ้างเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหา

พยายามบอกว่าเมื่อเห็นผู้หญิงหลับไป ก็เลยพาเข้าห้องพักโรงแรมเพื่อจะได้นอนพัก

เพียงแต่เป็นข้ออ้างที่คงจะเชื่อได้ยาก และคงต้องไปพิสูจน์กันต่อในชั้นศาล!

คดีนี้ถือเป็นบทเรียนให้กับผู้คนในสังคม

โดยเฉพาะกรณีผู้หญิงตัวคนเดียว เรียกรถแท็กซี่ในยามดึกดื่น หากเจอโชเฟอร์ที่ทำมาหากินสุจริต จิตใจไม่เลวร้าย ก็คงไม่มีปัญหาอะไร

แต่ถ้าเผลอหลับ เช่น อาจไปเฉลิมฉลองดื่มจนเมามายและหลับใหลไม่ได้สติ แล้วไปเจอโชเฟอร์ไร้คุณธรรม ก็คงโดนพาเข้าโรงแรม

ถ้าได้สติเร็วตื่นเร็วอย่างรายนักร้องสาวที่เพิ่งเกิดเรื่องก็โชคดีไป

แต่ถ้าไม่โชคดีก็คงเป็นเรื่องเศร้า

ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันขบคิดหาทางป้องกัน!

จุดที่น่าสนใจของการสืบสวนแกะรอยโชเฟอร์ในคดีนี้ก็คือ ระบบการติดกล้องวงจรปิดภายในรถแท็กซี่ โดยติดกล้องเพื่อบันทึกภาพภายในรถ

ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปกป้องความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร หรือปกป้องคนขับแท็กซี่กรณีที่ ผู้โดยสารโจรปล้นจี้

ในคดีนักร้องสาวที่เพิ่งเป็นข่าวนั้น กล้องบันทึกภาพภายในรถแท็กซี่ ช่วยให้คลี่คลายความจริงได้รวดเร็ว

เห็นพฤติกรรมของโชเฟอร์ และสภาพของเหยื่อ ซึ่งตรงกับคำให้การในการเข้าแจ้งความกับตำรวจ!

อีกทั้งยังทำให้เห็นใบหน้ารูปพรรณของผู้ถูกกล่าวหาชัดเจน ทำให้ติดตามตัวได้รวดเร็ว

ถือเป็นเครื่องมือในโลกยุคใหม่ที่สำคัญ และควรจะเป็นมาตรการที่ภาครัฐควรนำมาใช้อย่างจริงจัง

ต้องกำหนดให้ติดตั้งในรถแท็กซี่ทุกคัน

ทั้งเพื่อปกป้องชีวิตและความปลอดภัยสำหรับโชเฟอร์สุจริตและเพื่อสกัดกั้นโชเฟอร์แท็กซี่ที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม

เมื่อโลกพัฒนาก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี ก็ต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ต่อผู้คนในสังคม!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน