“วงค์ ตาวัน”
อุตส่าห์ไปคิดประดิษฐ์คำกันขึ้นมา ว่าประเทศชาติไม่ใช่ที่ฝึกงาน แต่ก็เป็นเรื่องดีอย่าง จะได้ช่วยให้สังคมไทย เราได้ทบทวนความจริงอันน่าสยดสยองในบ้านเมืองเราในช่วงยุคสมัยหนึ่ง ที่เรามีผู้นำการเมือง ซึ่งทั้งชีวิตขาดประสบการณ์ในการบริหารการงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก หรือใหญ่
และขาดความเข้าใจในชีวิตเป็นจริงของผู้คน ซึ่งมีหลากหลายมิติ
เป็นช่วงที่ทำให้ต้องนึกถึงคำว่าประเทศชาติไม่ใช่ที่ฝึกงานจริงๆ
เช่น ไม่สามารถแต่งตั้งผู้นำองค์กรตำรวจได้ หลายรอบ ประชุมแล้วก็ล่ม ล่มแล้วล่มเล่า แต่ก็ยังดื้อดึงไปแนวเดิม จนสุดท้ายก็ไม่สามารถแต่งตั้งได้จนเกือบปี
จนต้องเข้าวาระแต่งตั้งปีงบประมาณใหม่ จึงสามารถตั้งได้
เรื่องต่อมาหนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง
เพราะใช้เจ้าหน้าที่ผิดหน่วยผิดงานในการแก้ปัญหา การชุมนุมประชาชน!!
นั่นคือ มีการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องการยุบสภา ซึ่งเอาเข้าจริงก็เป็นข้อเรียกร้องบนพื้นฐานประชาธิปไตย
ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง แบบประเภทเรียกร้องให้ล้มรัฐบาลเลือกตั้ง ออกบัตรเชิญทหารเข้ามายึดอำนาจ
แต่ม็อบเรียกร้องยุบสภา แทนที่จะยึดหลักสากลในการแก้ปัญหาการชุมนุม
ทั้งมีมติสมัยรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน หลังพฤษภา ทมิฬ 2535 ที่ให้ยกเลิกการใช้กำลังทหารเข้าสลายม็อบ ให้ตั้งหน่วยตำรวจปราบจลาจลเต็มรูปแบบขึ้นมาทำหน้าที่แทน เพื่อลดความตายของประชาชนที่ประท้วง
รัฐบาลหลังจากนั้นก็ยึดมตินี้มาตลอด
แต่รัฐบาลที่ทำให้นึกถึงคำว่าประเทศชาติไม่ใช่ ที่ฝึกงาน ไปใช้บริการทหารเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ชุมนุมประท้วง!?!
ด้วยข้ออ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายในที่ชุมนุม ลงเอยด้วยการ ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้กระสุนจริง มีคนตายไป 99 ศพ และศาลชี้ไปแล้ว 17 ศพ ว่าตายด้วยกระสุนปืนจากฝั่งทหารศอฉ.
แต่รวมแล้วเกือบร้อยศพนั้น ไม่มีแม้แต่ศพเดียวที่เป็นผู้ก่อการร้าย ไม่มีรายไหนที่มีอาวุธในมือ หรือเป็นชายชุดดำ
แถมหลังสลายม็อบหมดสิ้น แกนนำถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีหมดแล้ว
ยังมีการยิงใส่วัดปทุมวนาราม มีคนในวัดตายไปอีก 6 ศพ!!
ศาลชี้ผลไต่สวนชันสูตรศพ 6 รายนี้แล้วว่า
ตายด้วยกระสุนปืนเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าและอีกชุดที่ยิงจากพื้นราบหน้าวัด
ชี้ด้วยว่าไม่มีชายชุดดำต่อสู้ ไม่น่าเชื่อว่ามีอาวุธในวัด
ประเทศชาติไม่ควรเป็นสถานที่ฝึกงานจริงๆ ไม่ควรใช้หน่วยรบติดอาวุธมาจัดการม็อบเลย
เพราะมีครอบครัวญาติมิตรที่ยังต้องเศร้าเสียใจจนวันนี้ร่วมร้อยครอบครัว!