“วงค์ ตาวัน”

เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ใครก็ตามที่ออกนอกแถวไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ให้ไปอยู่พรรคอื่น ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้าอยู่ประชาธิปัตย์ ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯเท่านั้นต้องถือเป็นจุดยืนที่ถูกต้องชัดเจน

เป็นจุดยืนของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ใครฟังก็ต้องเชียร์

แม้ว่าก่อนหน้านี้อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพิชัย รัตตกุล เคยเรียกร้องให้พรรคการเมืองใหญ่ๆ ที่มีอยู่ ร่วมกันจับมือต่อต้านแนวทางของพรรคทหาร ด้วยการผนึกกันสนับสนุนนายกฯที่มาจากหัวหน้าพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเสียงข้างมาก

แต่นายอภิสิทธิ์แสดงท่าทีรังเกียจพรรคเพื่อไทย ยืนยันจะไม่ร่วมกับระบอบทักษิณ

มาวันนี้นายอภิสิทธิ์บอกชัดขึ้นมาอีกขั้น โดยยืนยันไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ และแน่นอนก็ไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยด้วย!!

เท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ ไม่เอาทั้งนายกฯคนนอก

รวมทั้งไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด

ถือเป็นคำมั่นสัญญาต่อประชาชนที่ประกาศเอาไว้ ชัดเจนในวันนี้

และจะต้องจับตาต่อไปเมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมา ว่านายอภิสิทธิ์จะรักษาคำพูดนี้เอาไว้เหมือนเดิมหรือไม่!?

กระนั้นก็ตาม กว่าจะมาเป็นคำประกาศในวันนี้ ถ้าหากติดตามเส้นทางของนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่การเข้าร่วมม็อบนกหวีดเมื่อปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 ก็อาจจะงุนงงสับสนหน่อย

เพราะการที่แกนนำของประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ด้วย เข้าร่วมเป่านกหวีดคอเป็นเอ็น ร่วมกันล้มระบอบทักษิณและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

เมื่อเพื่อไทยยอมถอยด้วยการยุบสภา เปิดให้เลือกตั้งใหม่ แต่กลับไม่เลือกทางนี้!!

ม็อบนกหวีดที่มีนายอภิสิทธิ์เป่าปรี๊ดๆ อยู่ด้วย ปฏิเสธหนทางนี้ เดินหน้าชัตดาวน์จนนำไปสู่การรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจและเป็นนายกฯ

ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าม็อบนั้นต้องการหยุดประชาธิปไตย ต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็คือ ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกฯ

พอมาวันนี้นายอภิสิทธิ์บอกว่า ไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ก็เท่ากับประกาศว่าถ้าตนเองยังเป็นหัวหน้าประชาธิปัตย์ ก็พร้อมจะเป็นนายกฯคนต่อไป

พอจะอธิบายได้ว่า เมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในปี 2554 บางพรรคอาจรู้สึกสิ้นทางต่อสู้!?!

จังหวะชัตดาวน์เพื่อล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยต้องล้มไปพร้อมๆกับระบอบประชาธิปไตย

ด้วยเป็นการชุมนุมเพื่อทำให้สถานการณ์ไปสู่ทางตัน ปูทางให้กับรถถัง

สำหรับนักการเมืองบางคนบางพรรคอาจจะมีเจตนาเล็งเห็นผลภายหน้าเอาไว้แล้ว!

แต่สำหรับประชาชนที่ต้องสูญเสียสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยมาแล้ว 4 ปี คิดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

มันน่าแค้นใจยิ่งนัก!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน