ย้อนคดีจับสมภารหื่น

มอมยาขยี้กามด.ญ.13

ตกนรก5ปีจนท้องโย้!

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว – พักนี้มีข่าวไม่ดีในวงการผ้าเหลืองออกมาสู่สาธารณะบ่อยๆ ทั้งข่าวพระ เสพยา พระฆ่าพระ ล่าสุดก็มีข่าวพระข่มขืนหญิงสาววัย 18 ปี จนตั้งครรภ์ขึ้นมาอีก

คราวนี้เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เมืองฝาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยพระที่ ก่อเหตุมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาส ขณะเหยื่อถูกก่อเหตุมาตั้งแต่อายุได้ 13 ปี ตั้งแต่ปี 2558 หรือเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบันเด็กสาวอายุ 18 ปีแล้ว แต่เรื่องแดงเพราะเด็กเกิดตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน

ด้านนางบี (นามสมมติ) อายุ 44 ปี แม่ของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เหยื่อสาว เปิดเผยว่า ตนเป็นแม่ม่ายทำงานอยู่ที่ กทม. ให้ลูกสาวอยู่กับตายายที่บ้าน เมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แม่ของตนโทรศัพท์บอกว่าลูกสาวมีอาการผิดปกติคล้ายคนตั้งท้อง จึงเดินทางกลับบ้านสอบถามลูกสาว จนลูกยอมรับว่าได้ตั้งท้องกับพระครูเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว

วัดที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามลูกสาวทราบว่า ถูกข่มขืนตั้งแต่เมื่อปี 2558 ขณะนั้นอายุ 13 ปี เรียนอยู่ ม.2 โดยวันเกิดเหตุลูกสาวไม่สบายนอนอยู่ห้องพยาบาลในโรงเรียน จากนั้นเจ้าอาวาสทราบข่าว ได้ขับรถไปรับเพราะเด็กเคยเข้าวัดนั่งสมาธิเป็นประจำ จากนั้นให้นั่งสมาธิในกุฏิ

ต่อมาเจ้าอาวาสได้เอาขวดน้ำมาให้ดื่ม เวลาผ่านไปไม่นานลูกสาวก็ไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีพบว่าร่างกายเปลือยเปล่า โดยเจ้าอาวาสยังมาขู่ด้วยว่า ห้ามนำเรื่องไปบอกใครเพราะได้ถ่ายคลิปไว้ มิเช่นนั้นจะเอามาแฉ แต่ละครั้งเจ้าอาวาสจะสั่งให้ไปหาและขู่ทุกครั้ง ลูกสาวอึดอัดแต่ไม่มีที่ปรึกษา จนกระทั่งตั้งท้องและได้ระบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

พ.ต.ท.สำราญ แสงรัมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สองห้อง ชี้แจง

หลังจากทราบเรื่องจากลูกสาว ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองสองห้อง โดยตำรวจได้เรียกตัวเจ้าอาวาสไปสอบสวน ซึ่งเจ้าอาวาสก็ได้ให้การรับสารภาพว่าทำจริง และจะขอชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 150,000 บาท ตนไม่มีทางเลือก และไม่สามารถเอาคดีพรากผู้เยาว์กับเจ้าอาวาสได้ เพราะลูกสาวอายุเกินกว่า 18 ปีแล้ว จึงรับเงินค่าเสียหายที่ เจ้าอาวาสเสนอให้ต่อหน้าตำรวจ ขณะที่หลังเป็นเรื่องราว พระครูรูปดังกล่าวก็เก็บข้าวของหลบออกจากวัดไป

นางบีระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ยังคาใจคือ หลังจบเรื่องเจ้าอาวาสได้ขนข้าวของย้ายออกจากวัดไปจำวัดที่วัดอื่นทาง อ.นางรอง ซึ่งตนถือว่าไม่ถูกต้อง ที่จริงแล้วควรจะสึกออกจากการเป็นพระเพราะถือว่าเป็นมารศาสนา ที่ผ่านมาพระครูเคยกระทำชำเราเด็กในหมู่บ้านหลายคน แต่ชาวบ้านไม่กล้าปริปาก เพราะพระครูเป็นพระนักพัฒนา ชาวบ้านเคารพนับถือ จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับให้พระครูสึกออกจากการเป็นพระ เพราะเชื่อว่าจะไปก่อเหตุกับเยาวชนในที่อื่นอีก

เมื่อเป็นข่าวออกไปเช่นนี้ งานก็เข้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มๆ เพราะคดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีนั้นไม่สามารถยอมความกันได้ จึงเกิดคำถามขึ้นว่าเหตุใดตำรวจถึงไม่ดำเนินคดีกับพระครูรูปดังกล่าว

พ.ต.ท.สำราญ แสงรัมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.หนองสองห้อง ในฐานะผู้รับผิดชอบต้องรีบออกมาชี้แจงก่อนเรื่องราวจะบานปลาย ว่าแม่ได้พาลูกสาวเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่าลูกสาวถูกเจ้าอาวาสกระทำชำเราวันที่ 18 เม.ย. ภายในกุฏิเพียง 1 ครั้ง ซึ่งขณะนั้นลูกสาวมีอายุเกิน 18 ปีแล้ว จึงไม่เข้าข่ายพรากผู้เยาว์ ต่อมาวันที่ 4 ส.ค. ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกเจ้าอาวาสมาสอบสวน

อดีตพระสง่า

ซึ่งเจ้าอาวาสก็ยอมรับสารภาพว่ากระทำจริง จึงได้แจ้งข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเรา” และก็มีการยื่นขอประกันตัว ระหว่างนั้นทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกัน โดยเจ้าอาวาสได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นเงิน 150,000 บาท จากนั้นวันที่ 30 ส.ค. แม่ของเด็กก็ได้มาถอนคำร้องทุกข์ที่โรงพักว่ามีการไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อปรากฏข้อมูลใหม่ว่าเด็กถูกก่อเหตุตั้งแต่อายุ 13 ปี ก็จะต้องติดตามตัวพระครูเจ้าอาวาสมาแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ต่อไป

กระทั่งวันที่ 4 ก.ย. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ต.เอนก บุญตา สว.กก.3, ร.ต.อ.ชุมพร เพ็ชรเลิศ รอง สว.กก.3 นำกำลังลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือท้องที่ในการติดตามตัว เจ้าอาวาสมาลาสิกขาและดำเนินคดี

นำตัวสึก

โดย พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.หนองสองห้อง จ.บุรีรัมย์ ประสานข้อมูลจากการสืบสวนในเชิงลึกในพื้นที่กับกองปราบปราม จนกระทั่งทราบว่าเจ้าอาวาสได้หนีไปกบดานที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.ประทาย จ.นครราชสีมา จากนั้นตำรวจกองปราบฯ จึงเดินทางไปจนทราบว่า พระสง่าไปจำวัดที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวใน ต.ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ซึ่งยังอยู่ในผ้าเหลือง และนั่งปฏิบัติธรรมตามปกติ

ตำรวจกองปราบฯ จึงนำตัวไปพบพระครูประทีป ธรรมนุจิตโต เจ้าอาวาสวัดกะโดน ต.ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ก่อนจะเปล่งวาจาสึกต่อหน้าแล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย พร้อมนำตัวส่งดำเนินคดี

พล.ต.ท.สุทินระบุว่า หลังจากทราบว่าชาวบ้านต่างไม่สบายใจที่เจ้าอาวาสหนีการสึกทั้งที่มีความผิดวินัย อีกอย่างเจ้าตัวปาราชิกไปแล้วจากการเสพเมถุน เพื่อความสบายใจของพุทธศาสนิกชน ไม่ว่าพระจะอยู่ที่ไหนจะต้องถูกดำเนินคดี หากทำความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา

หากต้องการให้ศาสนาพุทธยืนหยัดต่อไปอีกนับร้อย นับพันปี ชาวพุทธทุกคนต้องร่วมมือกันขจัดเหลือบไรที่เกาะกินศาสนา จะมัวแต่ยึดหลัก “ชั่วชั่งชี ดีชั่งสงฆ์” เช่นที่ผ่านๆ มาไม่ได้อีกแล้ว

เรืองรุจ วังแจ่ม เรื่อง/ภาพ

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน