คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อุทาหรณ์หนุ่มเมากร่าง – แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเคยออกมาเตือนไว้แล้วว่า เจตนาไม่หลบรถพยาบาลขณะขับรถส่งผู้ป่วย ระวังเจอข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น!

การขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาลนั้น เข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 76 ระบุว่า เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืน มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ขับขวางเรียกจอด

หากผู้ที่ขับรถกีดขวางรถพยาบาล อาจจะถูกตั้งข้อหาหนักตามมา ที่สำคัญถ้าหากการกระทำนั้นเป็น “เหตุโดยตรง” ที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยในรถพยาบาลถึงแก่ชีวิต อาจเข้าข่ายกระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือกระทำโดยเจตนาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติการณ์

นายสัมฤทธิ์ มณีฤทธิ์ โวยวายรถพยาบาล

แต่เหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างคนขับรถกับรถพยาบาลก็ยังเกิดให้เห็นบ่อยครั้ง เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่พยาบาล กู้ชีพของ ร.พ.สมุทรปราการ กำลังนำรถพยาบาลเดินทางไปรับผู้ป่วยฉุกเฉินหมดลมหายใจ และเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่ภายในบ้านพักหลังหนึ่งในซอยวิทยุการบิน ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ระหว่างทางบนถนนสุขุมวิทนั้น รถพยาบาลซึ่งเปิดสัญญาณและเสียงฉุกเฉินเพื่อขอทาง แต่ปรากฏว่ามีนายสัมฤทธิ์ มณีฤทธิ์ อายุ 38 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) ได้ขับรถเก๋งขวางทางรถพยาบาลอยู่นาน

จนเจ้าหน้าที่ตัดสินใจเปลี่ยนเลนเพื่อเร่งไปช่วยชีวิต ผู้ป่วย แต่นายสัมฤทธิ์กลับไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าวและปาดเข้าซ้าย พร้อมเปิดกระจกกวักมือเรียกรถพยาบาลให้จอดข้างทาง ก่อนจะเดินลงมาต่อว่าเจ้าหน้าที่ และจะขอเปิดรถดูว่ามีผู้ป่วยจริงไหม เพราะเคยถูกหลอกมาแล้ว

เจ้าหน้าที่พยาบาลพยายามอธิบายและร้องขอให้รถพยาบาลเข้าไปรับผู้ป่วยก่อน เนื่องจากอาการวิกฤตและหยุดหายใจ พร้อมทั้งบอกว่าหากไม่เชื่อให้ขับรถตามหลังมาตรวจสอบจะได้รู้ว่าไปรับผู้ป่วยจริงไหม

เจ้าหน้าที่ให้การ

ต่อมาเมื่อรถพยาบาลมาถึงบ้านผู้ป่วยก็พบเจ้าหน้าที่ทั้งทีมกู้ชีพและกู้ภัยพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ เพื่อยื้อชีวิตให้กับผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นชายอายุ 46 ปี จึงรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาลแต่สุดท้ายผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิตระหว่างทาง

วีรกรรมของนายสัมฤทธิ์ยังไม่หมด เพราะหลังจากที่แยกย้ายกับรถพยาบาลแล้ว เจ้าตัวยังได้โทร.ไปยังศูนย์สั่งการระบบบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อร้องเรียนกล่าวหารถพยาบาล โดยอ้างว่ารถพยาบาลคันดังกล่าวไม่มีเหตุฉุกเฉิน แต่เปิดสัญญาณไฟและเสียง เพราะไม่ได้ขับเร็ว หากมีเหตุจริงจะต้องขับเร็วกว่านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมกู้ชีพจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี

ตร.บุกถึงบ้าน

กระทั่งเวลา 22.00 น. คืนวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าจับกุมนายสัมฤทธิ์ที่บ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่ไปรับผู้ป่วย ทันทีที่เจ้าตัวพบตำรวจและรู้ว่าจะถูกคุมตัวส่งโรงพักดำเนินคดีก็ถึงกับหน้าซีด ยิ่งมารู้ภายหลังว่าผู้ป่วยถึงแก่ความตายเพราะรถพยาบาลไปรับช้า เจ้าตัวก็ยิ่งคอตกยอมรับผิด ฝ่ายมารดาขอร้อง เจ้าหน้าที่ไม่ให้จับกุมตัวลูกชาย เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัวแต่ก็ไม่เป็นผล

คอตกยอมรับผิด

ตำรวจคุมตัวนายสัมฤทธิ์ไปตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 190 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงถูกคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา และขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาล

ด้านเจ้าตัวยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษ อ้างว่าสาเหตุที่ทำไปเพราะไม่พอใจที่รถพยาบาลจี้ท้ายมา ยอมรับว่าเห็นไฟฉุกเฉินแต่ไม่ได้ยินเสียงไซเรน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัว ส่ง เข้าห้องขังเพื่อรอสอบปากคำดำเนินการตามกฎหมาย

วิบากกรรมของนายสัมฤทธิ์ยังไม่หมด เพราะวันรุ่งขึ้นนางณัฐฐินันท์ บริบูรณ์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ติดต่อขอเอกสารเพื่อเดินทางไปรับศพสามี ที่สถาบันติเวช ร.พ.ตำรวจ พร้อมเข้าพบ ร.ต.อ.ชัชวาล กุลกำลัง รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดย เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำในเบื้องต้น ส่วนจะแจ้งข้อหากระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมกับนายสัมฤทธิ์ ได้หรือไม่ต้องรอสอบพยานแวดล้อมและเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมทั้งผลชันสูตรเพิ่มเติม

ญาติผู้ป่วยเอาเรื่อง

ด้าน นายขัน ก้านบัว อายุ 50 ปี ญาติของผู้ตาย กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิต ไม่เคยมีโรคประจำตัว ก่อนเกิดเหตุทราบว่ามีอาการชักเกร็งก่อนหมดสติ จากนั้นคนที่อยู่ในบ้านจึงได้ไปเรียกเจ้าหน้าที่กู้ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อมาช่วยกันปั๊มหัวใจ ระหว่างนั้นพบว่าผู้ป่วยอยู่ในวิกฤต เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงวิทยุร้องขอรถ โรงพยาบาลมารับ แต่กว่ารถพยาบาลจะมาถึงชีพจรของผู้ป่วยก็เริ่มอ่อนแล้ว

ตนเชื่อว่าหากรถพยาบาลไม่ถูกขัดขวาง อาจจะไม่เกิดความสูญเสีย จึงอยากฝากให้คนที่ชอบดื่มขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย และยืนยันว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับนายนายสัมฤทธิ์ให้ถึงที่สุด

ขับรถก็ต้องยึดถือกฎ กติกา มารยาท แค่ลดอีโก้ในตัวลงเสียบ้าง เรื่องเล็กก็ ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่

สมภพ สนเวส

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน