คอลัมน์ แฟ้มคดี

ย้อนคดี‘พระกิโยติน’ – อีก 1 เหตุการณ์สยองที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เมื่อพระสงฆ์ที่บวชศึกษาพระธรรม เกิดความเชื่อในการตีความคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปอีกแบบหนึ่ง

ด้วยความคิดที่ว่าการตัดหัวถวายเป็นพุทธบูชา จะทำให้กลายเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า แล้วก่อเหตุตัดหัวตัวเองด้วยเครื่องกิโยตินที่ทำขึ้นมา

และยิ่งน่าตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือพระรูปนี้เตรียมการเรื่องดังกล่าวมาแล้วกว่า 5 ปี ในขณะที่ลูกศิษย์ลูกหา และคนใกล้ชิดก็รับทราบกันเป็นอย่างดี

แต่กลับปล่อยให้มีการดำเนินการ แถมยังช่วยเก็บศพใส่โลง แยกทั้งส่วนหัวและลำตัวทำพิธีให้อีก เสมือนรู้เห็นเป็นใจและให้การสนับสนุน

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข ดำเนินการสร้างความเข้าใจใหม่ว่าสิ่งที่เชื่อถือเป็นเรื่องของอวิชชา

พร้อมทุบทำลายรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์การตัดหัวถวายพระพุทธเจ้า

ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ก่อเหตุลอกเลียนแบบขึ้นอีก

 

  • พระกิโยติน-อ้างพุทธบูชา

เหตุสยองครั้งนี้เป็นที่รับทราบกันเมื่อวันที่ 18 เม.ย. โดยตำรวจ สภ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เข้าสอบปากคำพยานแวดล้อม ภายในสำนักสงฆ์ภูหินกอง หรือภูคำไก่ บ้านนาแค ม.4 ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู หลังรับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่ามีคนฆ่าตัวตายภายในสำนักสงฆ์

โดยผู้ตายคือนายธรรมกร วังปรีชา อายุ 68 ปี หรืออดีตพระธรรมกร ฐานธัมโม อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง ทั้งนี้เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่าบรรดาลูกศิษย์ช่วยกันนำศพผู้เสียชีวิตลงในหีบศพ ส่วนลำคอถูกของมีคมตัดจนขาด ขณะที่หัวถูกบรรจุไว้ในหีบเล็กข้างกัน โดยที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกว่า 300 คน แต่งกายชุดขาวรวมตัวอยู่บริเวณหน้าศาลาวัด

ตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังรูปปั้นชายที่ไม่มีศีรษะ มือทั้งสองประคองศีรษะยื่นไปทางด้านเจดีย์สัพสังวรเจดีย์ ที่อยู่บริเวณลานด้านหน้าศาลา

พบห้างไม้สูงกว่า 4 เมตร ใช้เชือกชักรอกใบมีดความกว้างประมาณ 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร มีถังปูนที่หล่อปูนจนแข็งตัวห้อยติดกับปลายมีดทั้งสองด้าน เป็นตัวถ่วงน้ำหนัก ลักษณะคล้ายเครื่องประหารกิโยติน เบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุลูกศิษย์ต่างนั่งสวดมนต์อยู่บริเวณหน้าเจดีย์ จึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่พอได้ยินเสียงดังจึงพากันมาดู พบว่าผู้ตายถูกใบมีดตัดศีรษะเสียชีวิตแล้ว คาดว่าผู้ตายชักรอกดึงมีดขึ้นไปบนปลายห้างไม้ แล้วใช้มีดตัดเชือกปล่อยให้ใบมีดตกลงมาฟันคอตนเองเสียชีวิต

นายบุญเชิด บุญรอด น้องชายผู้เสียชีวิตให้การว่า นายธรรมกร บวชมานาน 13 ปี กระทั่งเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ ที่ผ่านมามุ่งมั่นจะตัดศีรษะตัวเองเพื่อเป็นพุทธบูชา ตามความเชื่อของตัวเองและเคยสั่งเสียญาติพี่น้องไว้ก่อนหน้า ก่อนจะลาสิกขา เมื่อวันที่ 14 เม.ย. จากนั้นมาก่อเหตุในช่วงเช้าขณะชาวบ้านกำลังสวดมนต์ปฏิบัติธรรม

ทั้งนี้ญาติและลูกศิษย์จึงไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ พากันบรรจุร่างลงหีบศพ และทำความสะอาดห้างไม้ที่เกิดเหตุ ก่อนแจ้ง เจ้าหน้าที่ให้มาชันสูตรพลิกศพ ประกอบกับในที่เกิดเหตุพบจดหมายของผู้ตายลงวันที่ 9 เม.ย. 64 สรุปข้อความได้ว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ให้คำมั่นว่าเมื่อครบกําหนด 5 ปีจะสักการบูชาพระพุทธเจ้าโดยการตัดศีรษะตัวเอง เพื่อตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต

เมื่อถึงกําหนด 5 ปี จึงทําตามที่ตั้งใจไว้

เป็นความตั้งใจที่น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง!??

ย้อนคดี‘พระกิโยติน’ ตัดหัวถวายพุทธบูชา ตร.เร่งเอาผิดคนรู้เห็น ย้ำ‘อวิชชา’นอกคำสอน : คอลัมน์ แฟ้มคดี

ตรวจสอบศพ

  • พระผู้ใหญ่ชี้ชัดไม่มีในคำสอน

สำหรับเรื่องของคำสั่งสอน ที่นายธรรมกรอ้างการถวายหัวเป็นพุทธบูชา เพื่อจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น

พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า นับตั้งแต่บวชเรียนเป็นพระชั้นนักธรรมเอกมา ไม่เคยปรากฏเห็นผ่านหูผ่านตาในคำสอนพระธรรมวินัยในเล่มไหนมาก่อนว่าให้ตัดหัวถวายเป็นพุทธบูชาให้กับพระพุทธเจ้าได้ พระรูปนี้น่าจะเป็นคนแรกของประเทศหรือคนแรกของโลกที่ยอมตัดหัวตัวเองเช่นนี้

ที่ผ่านมาเห็นแต่พระอดข้าวหรือเผาตัวประท้วงเท่านั้น การฆ่าตัวตายด้วยการใช้กิโยตินตัดหัวไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าเองก็ไม่เคยทำ เพราะแม้แต่พระสังฆราชองค์ปัจจุบันท่านยังทรงสอนว่าชีวิตนี้มันน้อยหนักแต่สำคัญและต้องใช้ให้เป็น การไปตัดหัวตัวเองเพื่อหวังจะถวายหัวกับพระพุทธเจ้านั้น แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพระพุทธเจ้าท่านจะทรงรับหัวนั้น

การตัดหัวถวายเป็นพุทธบูชา เพราะเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพระพุทธ เจ้า ในโลกหน้านั้น อาตมาไม่เคยเห็นในพระไตรปิฎก หน้าไหน เล่มไหนระบุไว้เลย

พระครูปลัดกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ในฐานะรองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปาราชิกสิกขาบทที่ 3 ว่าด้วยการพรากกายมนุษย์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ พระไตรปิฎกเล่มที่ 1 ระบุไว้ชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าทรงตำหนิภิกษุผู้ฆ่าตัวตาย โดยทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุทั้งหลายฆ่าตัวตาย เองบ้าง ใช้กันและกันให้ฆ่าบ้าง จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง

ย้ำชัดว่าไม่ใช่แนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้า

ขณะที่ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า การวางแผนฆ่าตัวตายมานานกว่า 5 ปี และมีคนทราบจำนวนมาก แต่ไม่มีใครห้าม อาจเป็นการผสมกันระหว่างความเชื่อและความคิดผสมรวมกัน เมื่อนานวันเข้าก็เชื่อตามความคิด โดยไม่ได้เกลาความคิด คนเปราะบางก็เชื่อแบบนั้น และอาจส่งต่อความเชื่อให้ขยายวงกว้าง

กรมสุขภาพจิตจะส่งทีมลงไปดูวงกว้างผลกระทบในชุมชน ถ้าไม่แผ่ในวงกว้างก็เหมือนเหตุการณ์หนึ่งที่ผ่านไป และเรียนรู้ไม่ให้เกิดภาวะซ้ำอีก ส่วนใครมีภาวะอ่อนไหวมากจะหามาตรการป้องกัน นอกจากนี้ อยากขอความร่วมมือไม่เผยแพร่และไม่ส่งต่อข้อมูลขั้นตอนการฆ่าตัวตาย เพราะหลายครั้งพบว่าทำให้เกิดการลอกเลียนแบบ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบาง

ไม่ให้หลงผิดก่อเหตุซ้ำอีก

ย้อนคดี‘พระกิโยติน’ ตัดหัวถวายพุทธบูชา ตร.เร่งเอาผิดคนรู้เห็น ย้ำ‘อวิชชา’นอกคำสอน : คอลัมน์ แฟ้มค

ทุบรูปปั้น

  • ดำเนินคดีรูด-ผู้เกี่ยวข้อง

ขณะที่แนวทางการสอบสวนคาดว่านายธรรมกรฆ่าตัวตายโดยการก้มให้ใบมีดตัดคอตัวเอง จากนั้นได้ให้ลูกศิษย์นำศพไปฌาปนกิจไว้ที่เนินเขาใกล้กับที่พักสงฆ์ดังกล่าว โดยเป็นการเผาร่างแล้วนำก้อนอิฐภูเขาสีแดงวางทับกันซ้อนๆ เหมือนภูเขาเล็กๆ

โดยบรรยากาศที่วัด ยังมีการนำดอกไม้ธูปเทียนมาวางไว้ที่บริเวณ เผาศพ

นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผวจ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า ที่แห่งนี้ยังไม่ได้เป็นสำนักสงฆ์ เป็นเพียงที่พักสงฆ์ และยังไม่มีการอนุญาตเป็นสำนักสงฆ์ เนื่องจากอยู่ในเขตหวงห้ามของทางราชการทหาร เท่าที่ทราบมีพระภิกษุสงฆ์อยู่ 1-2 รูป มีแม่ชี 5-6 คน และลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสอยู่อีก 2-3 คน

ส่วนจะปล่อยทิ้งร้าง หรือจะนิมนต์พระภิกษุรูปใหม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัด ขณะที่รูปปั้นคนถวายหัว เตรียมทำลายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เสียชีวิตผิดธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องลงมาทำคดี โดย พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู พร้อมคณะก็รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมระบุว่า คดีนี้ไม่มีปัญหาแนวทางการสืบสวน สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานเรามีการรวบรวมไว้แล้ว ทั้งพยานในที่เกิดเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ

นอกจากนี้เรายังนำมูลเหตุมาประกอบกับการสืบสวนคือ แนวความคิดแนวความเชื่อของผู้ตาย ตามกฎหมายแล้วเมื่อมีการตายที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้น ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และรักษาสภาพพื้นที่และสภาพศพไว้

หากใครเคลื่อนย้ายศพหรือทำลายสภาพแวดล้อมก็อาจจะมีความผิดได้ กรณีมีคนไปทำลายหลักฐานทั้งการล้างเลือด เคลื่อนย้ายศพ และเผาศพ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามา คิดได้ว่าเป็นการส่อพิรุธหรืออาจจะคิดไปในเรื่องของความเชื่อก็ได้ ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้

หากลูกศิษย์ร่วมกันสร้างกิโยตินหรือเกี่ยวข้องต่างๆ ก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้เช่นกัน เร่งดำเนินการให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะขณะเกิดเหตุหากมีใครร่วมมือด้วย หลังเกิดเหตุมีการซ่อนเร้นอำพรางศพทำลายสถานที่เกิดเหตุให้ดำเนินการตามกฎหมาย

ล่าสุดสามารถตรวจยึดใบมีดที่นำมาประกอบกิโยตินได้แล้ว เก็บรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐานต่อไป

เดินหน้าคดีเต็มที่แน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน