ตามตร.ปิดคดีสยอง! – ด้วยความก้าวหน้าที่นิติเวชวิทยา ทำให้คำพูดที่ว่า “คนตายพูดอะไรไม่ได้” ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

ย้อนไปเมื่อ 2 ทุ่มวันที่ 16 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เตชิต กุลกนิษฐ ผกก.สภ.ท่าใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ แสนสุข สารวัตรสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี นำกำลังชุดสืบสวน พร้อม นพ.พิริยะ ภิบาลกุล แพทย์ประจำโรงพยาบาลเขาสุกิม ไปตรวจสอบภายในคลองไม่มีชื่อใกล้กับบ้านเลขที่ 87/1 ม.10 ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี หลังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเขาสุกิมว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในคลองดังกล่าว

พาชี้จุดเกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบศพนางวิไล อาลัย อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 ม.10 ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี สภาพศพนอนหงาย มีเลือดออกบริเวณจมูก ข้างศพพบมีดขอตกอยู่กับพื้น นอกจากนี้ ยังพบกอระกำถูกตัดใหม่ๆ ตกอยู่ใกล้ๆ จุดที่พบศพ

คดีนี้อาจเป็นเพียงอุบัติเหตุ หากแพทย์ที่ชันสูตรไม่พบว่าบาดแผลที่ศีรษะด้านหลังและที่บริเวณหูซ้ายมีลักษณะผิดจากลักษณะการล้มหัวฟาดพื้น อีกทั้งทางญาติของผู้ตายยังให้ข้อมูลว่าสร้อยทองคำหนัก 2 บาท ที่ผู้ตายใส่อยู่เป็นประจำได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ประกอบกับไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ จึงส่งศพไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุการตายที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า ก่อนจะพบว่าศพผู้ตายมีบาดแผลที่น่าสงสัย

เมื่อคดีที่คิดว่าจะเป็นอุบัติเหตุกลับส่อว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รองผบช.ภ.3 รรท.ผบก.ภ.จว.จันทบุรี รีบสั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.ท่าใหม่ ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในทันที กระทั่งความจริงทั้งหมดคลี่คลายออกมาในเวลาอันรวดเร็ว

ทำแผนฯ ฆ่า

บ่ายวันที่ 20 เม.ย. พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รองผบช.รรท.ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.เตชิต กุลกนิษฐ ผกก.สภ.ท่าใหม่ นำกำลังตำรวจคุมตัว น.ส.วรนุช นพบุตร อายุ 35 ปี ชาวจ.จันทบุรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นคู่สะใภ้กับผู้ตายมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณร่องน้ำ หลังสวนผลไม้ที่เกิดเหตุ

พ.ต.อ.เตชิตเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา เกิดเหตุมีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิตในร่องน้ำหลังสวนผลไม้ มีบาดแผลที่ศีรษะด้านหลังและที่หูซ้าย จากผลชันสูตรโดยนิติเวชร.พ.พระปกเกล้า ระบุว่าผู้ตายถูกทุบตีด้วยของแข็งจนเสียชีวิต

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ท่าใหม่ ได้ออกสืบหาข่าวในพื้นที่จนทราบตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุคือน.ส.วรนุช ผู้ต้องหา ซึ่งมีศักดิ์เป็นสะใภ้คนเล็ก พักอาศัยอยู่บ้านติดกัน จึงได้ขอศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ก่อนนำมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.ท่าใหม่

จากการสอบสวน น.ส.วรนุชให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางวิไลจริง เนื่องจากบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายด่าว่าและชวนทะเลาะเรื่องล้อมรั้วกั้นเขตที่ดิน ด้วยความโมโหจึงเดินกลับไปเอาประแจ ดัดเหล็กเส้น ขนาดยาวเกือบ 50 ซ.ม.ที่บ้าน แล้วเดินกลับมาพูดคุยกับผู้ตายอีก

เล่ารายละเอียด

ขณะที่ผู้ตายยังคงด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงอีก ขณะที่หันหลังยืนตัดต้นระกำในร่องน้ำจึงใช้ประแจเหล็กกระหน่ำตีเข้าที่หัวและท้ายทอยจนล้มลง จากนั้นได้เข้าไปตีซ้ำอีกหลายครั้งจนนางวิไลนอนแน่นิ่งไป หลังก่อเหตุได้กลับบ้านพร้อมกับนำประแจที่ใช้ก่อเหตุไปเก็บที่เดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในส่วนเรื่องสร้อยทองคำหนัก 2 บาทของผู้ตายที่หายไป น.ส.วรนุชอ้างว่าขณะกระหน่ำตีผู้ตายไม่ทราบว่าสร้อยคอขาดและกระเด็นเข้ามาในเสื้อที่สวมใส่อยู่ตอนไหน โดยภายหลังก่อเหตุแล้วเสร็จจึงนำไปขายที่ร้านทองในตัวเมืองจันทบุรี นำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และทำตัวอยู่บ้านตามปกติจนถูกตำรวจตามมาจับกุมตัวดังกล่าว

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และข้อหา “ลักทรัพย์”

ขณะที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ น.ส.วรนุชร้องไห้พร้อมยกมือไหว้ขอโทษญาติคนตายไปตลอดทาง แต่ก็ไม่วายถูกตะโกนด่าสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น บางคนพยายามฝ่าวงล้อมตำรวจเข้ามาทำร้าย จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบคุมตัวขึ้นรถกลับโรงพักทันทีเพราะหวั่นเหตุการณ์บานปลาย

อธิคม สิงขรณ์ เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน