ผ่าแผนล่า-จับคนร้ายโหด – หลังไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อ นางประจวบ แก้วแสงอ่อน วัย 74 ปีได้ นายชวภณ แก้วแสงอ่อน บุตรชายจึงรีบพาบิดากลับมาที่บ้านในพื้นที่หมู่ 2 ต.เชิงแส อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะต้องพบกับความจริงที่สยดสยอง!

ย้อนไปเมื่อเย็นวันที่ 12 พ.ค. พ.ต.อ.ณรงค์ จงศรี ผกก.สภ.กระแสสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ชุดสืบสวน สภ.กระแสสินธุ์ ชุดสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุฆาตกรรม นางประจวบ โดยสภาพศพถูกคนร้ายใช้อาวุธมีด ซึ่งน่าจะเป็นมีดพร้าฟันที่ศีรษะหลายแผลและที่ข้อมือด้านซ้ายหวิดขาด

ตร.ลงพื้นที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามนายชวภณ แก้วแสงอ่อน บุตรชาย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ปกติแม่จะอยู่บ้านกับพ่อกันสองคน ส่วนลูกแยกย้ายกันไปมีครอบครัวอยู่ที่ อ.เมือง สงขลา และที่ อ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ตนได้มารับพ่อกับแม่ไปเที่ยวที่บ้านที่สงขลา แต่แม่ไม่ไปโดยพ่อไปคนเดียว และเกือบทุกวันตนก็จะโทร.หาแม่ตลอด ซึ่งรับสายปกติ แต่เมื่อวันที่ 10 พ.ค. โทร.ไปหาช่วง 15.00 น. แต่ก็ไม่รับสายและตอนกลางคืนก็โทร.อีกครั้งก็ไม่รับสาย

วันที่ 12 พ.ค. ไปรับพ่อจากบ้านพี่สาวรีบกลับมาบ้านเพราะใจไม่ดี แล้ว เมื่อมาถึงบ้านประตูเปิดอยู่ และในครัวแม่ก็ยังไม่หุงข้าว และผิดวิสัยของแม่ มีเพียงมะระที่แม่เก็บมาจากสวนวางอยู่หน้าบ้าน จึงชวนพ่อและเพื่อนบ้านออกตามหาและรีบแจ้งญาติๆ ให้กลับมาบ้าน

“ประมาณ 2 ชั่วโมงก็พบผ้าถุงแม่หลุดอยู่ในคู ก่อนที่จะไปพบศพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในคูน้ำห่างจากบ้านราว 50 เมตร โดยมีแผลถูกฟันที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยหลายแผลและที่มือซ้ายหวิดขาด คาดว่าแม่น่าจะถูกทำร้ายเสียชีวิตในเวลา 17.00 น. วันที่ 11 พ.ค. และทราบว่าหลังเกิดเหตุเพื่อนบ้านที่มีเรื่องหมางใจกันมาตลอด จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนลงมือฆ่า” นายชวภณกล่าว

นายอดุล เซ่งเอียง จนมุม

หลังได้เบาะแสตำรวจตามไปหานายอดุล เซ่งเอียง อายุ 66 ปี หรือเขียว เพื่อนบ้าน แต่เจ้าตัวหายไปแล้ว เมื่อตรวจสอบประวัติก็พบว่าเคยก่อเหตุฆ่าปาดคอผู้หญิงและพยายามฆ่ามาแล้ว 2 ครั้ง ติดคุกนานประมาณ 10 ปี พ้นโทษมาหลายปี และอยู่บ้านคนเดียวไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านลักษณะเป็นคนที่มีสุขภาพจิตไม่ปกติ ชอบใช้ความรุนแรง หลังก่อเหตุมีพยานเห็นเดินขึ้นไปบนเขารัดปูน ซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้าน

พ.ต.อ.ณรงค์เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการออกหมายจับนายอดุล ซึ่งจากพยาน หลักฐานชี้ชัดว่าเป็นคนลงมือฆ่า จากปัญหาเรื่องเขตแดนที่อยู่ติดกันและเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียวรุนแรง ส่วนเรื่องที่ทะเลาะกับผู้ตายก็เนื่องจากกิ่งไผ่ของนายอดุล โน้มเอียงข้ามแดนมาเข้าบ้านของนางประจวบ และนางประจวบใช้มีดตัด ทำให้นายอดุลไม่พอใจ ซึ่งเกิดขึ้นมาเกือบปีแล้ว ทั้งนี้ขณะนี้กำลังเร่งติดตามจับกุม ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในบริเวณเขารัดปูน

กระทั่งวันที่ 14 พ.ค. พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.ณรงค์ จงศรี ผู้กำกับการ สภ.กระแสสินธุ์ พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผู้กำกับการ สืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา พ.ต.อ.พงปนต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. ลงพื้นที่ติดตามคดี

คุมทำแผนฯ

เย็นวันนั้นเอง ขณะที่ ร.ต.อ.พร้อมวุฒิ พร้อมพูล รองสารวัตรกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้ปลอมตัวเป็นชาวนา ขับรถจักรยานยนต์เก่าๆ ตระเวนไปตามทุ่งนา และปรากฏว่าไปเจอกับนายอดุลเข้าจังๆ ขณะเดินอยู่บนถนนในสวนปาล์ม จึงทำทีเข้าไปพูดคุยเพื่อถ่วงเวลาและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหน่วยอื่นๆ รีบนำกำลังเข้ามาเสริม จนจับกุมตัวได้

ร.ต.อ.พร้อมวุฒิเปิดเผยว่า พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้ส่งตำรวจกองปราบฯ ลงพื้นที่ไปร่วมติดตามคนร้ายด้วยและตนได้ปลอมตัวเป็นชาวนาขับรถออกตระเวนหาตัวตามสวนปาล์มและทุ่งนาในพื้นที่หมู่ 1 ต.เชิงแส และพบกับ นายอดุลเดินอยู่ จึงทำทีเข้าไปพูดคุยเพื่อสังเกตพฤติกรรมว่ามีอาวุธติดตัวหรือไม่ และแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนั้นนายอดุล ไม่ได้ขัดขืน และรีบแจ้งตำรวจชุดสืบสวนหน่วยอื่นให้รีบเข้ามาสมทบและจับกุมตัวเอาไว้ได้ ซึ่งตอนนั้นนายอดุลอยู่ในสภาพที่อิดโรย

ญาติผู้ตายฮือเอาเรื่อง

หลังจับกุมตัวได้ตำรวจได้ควบคุมตัวนายอดุลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุทันที แต่ทำแผนได้เพียงจุดเดียวคือที่บ้านของนายอดุล ซึ่งเป็นชี้จุดที่นำมีดพร้าไปทิ้งจุดที่อาบน้ำ ส่วนจุดเกิดเหตุ ที่ฆ่าซึ่งอยู่หลังบ้านนางประจวบไม่สามารถนำตัวไปทำแผนได้ เนื่องจาก ญาติพี่น้องและชาวบ้านบางส่วนโกรธแค้นจะเข้ามาประชิดตัวผู้ต้องหา เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายและรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาจึงต้องยกเลิกและควบคุมตัวกลับมาสอบสวนและแจ้งข้อหาดำเนินคดีฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

อนงค์ วงศ์ช่วย – เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน