การเมืองแบบเก่าการเกิดขึ้น อนาคต“ใหม่”การเมืองแบบใหม่
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
การเมืองแบบเก่าการเกิดขึ้น อนาคต“ใหม่” : หลังปรากฏการณ์แฟลชม็อบ ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน ผ่านมา ได้มี “เกจิ” ทางการเมืองหลายคนออกมาสรุปและคาดหมายแนวโน้มในอนาคต
ถือได้ว่าเป็น “บทเรียน” อันมีคุณค่า
ไม่ว่าจะมาจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะมาจากแกนนำมวลมหาประชาชนแห่งกปปส.
ส่วนใหญ่ล้วนแสดงความเป็นห่วง เกรงจะกลายเป็นปัญหา
ขณะเดียวกัน ไม่มีเสียงโต้กลับจากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า จะเป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่าจะเป็น น.ส. พรรณิการ์ วานิช
กล่าวสำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อาจจะเงียบ ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยังเดินสายไปต่างจังหวัดอย่างเป็นปกติ
เช่นเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช
แต่ที่แน่นอนอย่างที่สุด มีคำยืนยันก่อนหน้านี้ด้วยการตอบรับคำเชิญจาก จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ จะเป็นเพื่อนร่วมวิ่งจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
และที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ คำประกาศ ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน
นั่นคือ แฟลชม็อบเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม เสมอเป็นเพียงน้ำจิ้ม เสมอเป็นเพียงการชิมลาง แต่ของจริงจะเห็นได้ในปีหน้า ซึ่ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มิได้บอกรายละเอียด
ความเป็นจริงประการสำคัญก็คือ หลายคนเหมือนกับจะอ่านพรรคอนาคตใหม่ออก แทงทะลุ เหมือนจะเข้าใจในแต่ละเส้นทางของพรรคอนาคตใหม่
แต่หากดูจากกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็เริ่มไม่แน่ใจ
เพราะ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาฟันธงว่าคำประกาศ “แฟลชม็อบ” จะประสบความล้มเหลวเพราะว่าแฟน ของพรรคอนาคตใหม่ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นนักเลงคีย์บอร์ด
และพวกนี้จะไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะถนัดอยู่หน้าคอมพ์มากกว่า
แต่แล้วในวันที่ 14 ธันวาคม กลับปรากฏโฉมคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเข้าร่วมและเปล่งเสียง “ออกไป ออกไป” ดังกึกก้อง
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่บรรดา “เกจิ” ทางการเมือง บรรดา ผู้มากประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวและจัดชุมนุมทางการเมืองมาก่อน
ล้วนอยู่ในโลกของตัวเอง ล้วนอยู่ในโลกเก่า
เป็นโลกในแบบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโลกในแบบมวลมหาประชาชน กปปส. ซึ่งเป็นการชุมนุมของบรรดา “ม็อบมีเส้น”
และเข้าใจน้อยมากต่อ “อนาคตใหม่”