“รุก กลางกระดาน”
สนุกสนานน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ท่าทีของพรรคการเมืองน้อยใหญ่ ที่แสดงความพร้อม จัดประชุมพรรคครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่คสช.คลายล็อก
เพื่อจัดขบวนเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไป ช่วงก.พ.62 ตามที่คสช.ให้คำสัญญา
ยิ่งผสมกับบรรยากาศที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตนสนใจการเมือง อยากกลับมาสานต่องานที่ทำไว้
ก็ยิ่งส่งผลให้น่าเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงๆ
และแน่นอนว่าบรรยากาศของการประชุมพรรค ก็ต้องปลุกใจกันอย่างเข้มข้น เพราะถือเป็นการ พบปะอย่างเป็นทางการหนแรก หลังจากการรัฐประหาร
ดังนั้นถ้อยคำประกาศชัย จัดตั้งรัฐบาล หรือจะบอกถึงข้อด้อยข้อจำกัดของคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามว่าสู้ไม่ได้อย่างไร
เพราะคงไม่มีพรรคการเมืองไหนสู้ศึกเลือกตั้ง เพราะคิดว่าจะพ่ายแพ้ หรือไม่หวังจะตั้งรัฐบาล นั่งเก้าอี้ นายกฯ
ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย
ไม่ใช่การไปดูถูกใครคนใดทั้งนั้น!??
ดังนั้นคนที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้แล้วหงุดหงิด รู้สึกกระทบจิตใจ หากยังอยากอยู่ร่วมในสังคมประชาธิปไตย
ย่อมต้องปรับตัวปรับใจกันขนานใหญ่ เปิดใจให้กว้าง
และแน่นอน สูตรการเมืองหลากหลาย ย่อมถูกคิดค้น และนำเสนอเพื่อหาแนวร่วม เพราะต้องยอมรับอีกว่า เงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ 250 ส.ว.ไว้สูงลิบ
จะมีผลต่อพรรคการเมืองที่หวังพึ่งเพียงคะแนนส.ส.อย่างเดียว
โดยสูตรที่ฮือฮาอย่างมากก็คือ 2 พรรคใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ จับมือตั้งรัฐบาล
ทันทีที่ข่าวออกไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันหนักแน่นว่าหากเพื่อไทยยังอยู่ใต้ร่มเงาตระกูลชินวัตร ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
สร้างคำถามว่า แสดงว่านายอภิสิทธิ์ จะไม่ทำงานร่วมกับตระกูลชินวัตร ที่ลงเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ใช่หรือไม่
หรือจริงๆแล้ว จะถนัดร่วมงานกับอำนาจที่มาจากระบอบอื่นมากกว่า !??
ไม่ว่ายังไงก็ถือเป็นสิทธิ์ที่จะแสดงจุดยืน ส่วนความจริงจะเป็นยังไง เป็นเรื่องในอนาคต หลังผลการเลือกตั้ง
จะห่วงตงิดๆก็แค่ว่าเมื่อถึงวันนั้น คนตัดสินใจจะร่วมงานกับใคร
อาจจะไม่ใช่ ‘อภิสิทธิ์’ แล้วก็ได้