รุก กลางกระดาน
น่าสนใจติดตามไม่แพ้การเลือกตั้งทั่วไป ที่คาดว่าจะมาถึงในช่วงเดือนก.พ.62
สำหรับการชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดที่ยังดำรงอยู่
ซึ่งถึงตอนนี้ ผู้ท้าชิงก็เปิดตัวมาแล้ว 2 คน คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ลาออกจากพรรค ช่วงรัฐประหาร 2557 แล้วไปทำงานร่วมกับรัฐบาลคสช.
อีกคนก็คือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ที่มุ่งมั่นเกาะติดกับเรื่องจำนำข้าว ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งทุกวันนี้เรื่องจำนำข้าวก็ยังถูกจี้ถามเรื่องการปิดบัญชี ว่าจริงๆ แล้วขาดทุนไปเท่าไหร่กันแน่
กับอีกคนที่เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ตอนนี้ ก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯรัฐมนตรี ที่ผ่านเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553
จนมีคนตายถึง 99 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันคน ซึ่งยังรอคอยความยุติธรรมอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน
เรียกว่าทั้ง 3 คนดีกรีสูสี จะตัดสินได้ก็อยู่ที่ว่าใครที่จะรวมเสียงสมาชิกพรรคได้มากกว่ากัน
แต่หากมองอย่างวิเคราะห์เจาะลึก ทั้ง 3 ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง
อาทิ นายอลงกรณ์ แม้จะมีภาพของ ผู้ที่มีวุฒิภาวะ ปฏิเสธการเล่นการเมืองนอกสภา แต่ก็ไปมีตำแหน่งแห่งหน เป็นสปท. ร่วมงานแนบแน่นกับรัฐบาลคสช.ที่มาจากรัฐประหาร
นพ.วรงค์ ที่เดินเคียงคู่กับ นายถาวร เสนเนียม แกนหลักของกปปส. ที่ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ล้มรัฐบาลเลือกตั้ง
หากมาเป็นหัวหน้าจะพาทั้งพรรคลงไปเล่นการเมืองบนท้องถนนอีกหรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้
นายอภิสิทธิ์ ซึ่งจริงๆ แล้ว น่าจะเป็นคนที่คู่แข่งพรรคประชาธิปัตย์สบายใจมากที่สุด
เพราะตั้งแต่เป็นหัวหน้า ไม่เคยพาพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งเลยสักครั้ง แถมยังบอยคอตเลือกตั้งอีก 2 หน
ก็มีเรื่องม็อบปี’53 เป็นชนักติดหลัง
เมื่อเทียบคุณสมบัติทั้งหมด จึงเรียกได้ว่าสูสีชนิดหายใจรดต้นคอ
อดคิดไม่ได้ว่าหากเลือกกันไม่ได้จริงๆ ก็อาจถึงคราว “ตาอยู่”
แต่จะนำพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่จุดไหน ต้องติดตามต่อไป