ทิ้งหมัดเข้ามุม : ทำสงครามกับเพลงแร็พ??

โดย รุก กลางกระดาน

ทิ้งหมัดเข้ามุม : ทำสงครามกับเพลงแร็พ?? – นับเป็นแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นจากเพลงแร็พประเทศกูมี ที่ล่าสุดยอดวิวใกล้จะทะลุ 30 ล้าน

เมื่อรัฐบาล โดย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับสั่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แต่งเพลงแร็พไทยแลนด์ 4.0

ซึ่งเพลงดังกล่าวเปิดเป็นครั้งแรกเพื่อต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้อนรับนักธุรกิจสตาร์ตอัพกว่า 500 คน มาเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล

สร้างเสียงชื่นชมจากนายกฯ ว่าเพลงดีมีสาระ

จนต่อมาถูกอัพเข้าสู่ระบบยูทูบสร้างเป็นกระแส ‘แร็พปะทะแร็พ’

ทิ้งหมัดเข้ามุม : ทำสงครามกับเพลงแร็พ??

มาดึงคะแนนที่เสียไปจากแร็พประเทศกูมี

หากคิดเช่นนั้นจริง ก็นับว่าน่าผิดหวังไม่น้อย เพราะเท่ากับคนที่ออกมาตอบโต้ไม่ได้เข้าใจเลยว่าเหตุใดเพลง ‘ประเทศกูมี’ ถึงมียอดวิวถล่มทลาย และติดหูใครหลายๆ คน

ไม่ใช่เพราะความเป็นแร็พ ความเป็นร็อก หรือเป็นพังก์

แต่เป็นเพราะเนื้อหาที่เสียดแทงใจหลายๆ คน มันไปตรงจุดที่อัดอั้นตันใจ ที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้

จนเมื่อได้ฟัง ก็ยิ่งตระหนักและสะท้อนความจริงให้เห็นว่าในปัจจุบัน ประเทศกูมีอะไร!??

การแก้ไขความเข้าใจเรื่องนี้ คือการชี้แจงในรายละเอียด อาทิ ที่ว่าบ้านเมืองไม่มีเสรีภาพ ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าจริงหรือไม่

ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องแสดงออกให้เห็นว่าสิ่งที่พูดนั้นมันจริง

ต้องผ่อนคลายทางการเมือง ให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบ

ไม่ใช่ว่าในขณะที่อ้างถึงเสรีภาพ แต่ก็มีนักโทษคดีการเมืองถูกจับกุมคุมขัง ต้องมีคนหวาดผวากับการ ‘เยี่ยมเยียน’ ของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ตลอด

หากเป็นเช่นนั้นก็ป่วยการ เพราะสังคมเริ่มตระหนักแล้วว่าคำที่พูดออกมาเชื่อได้หรือไม่ อย่างไร

เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะแต่งเพลงไพเราะเพราะพริ้งขนาดไหน ก็เข้าถึงได้ใจประชาชนไม่ได้ 4 ปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นๆ กันอยู่

ต้องย้ำกันอีกครั้งว่ามีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะได้ใจประชาชน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน