ภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤต
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤต – เดินหน้าสู่ขาลงอย่างแท้จริง สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
หลังเผชิญกับวิกฤตหลายอย่างที่ท้าทายความสามารถในการบริหารจัดการ
โดยเฉพาะปัญหาโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ย่อมเป็นสิ่งตอกย้ำว่าประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้หน้ากากอนามัยที่ประกาศเป็นสินค้าควบคุมขาดตลาด
มีการกักตุนจำหน่ายเกินราคาไปมากโข จนกลายเป็นสินค้าหายาก และไม่ใช่เฉพาะประชาชนทั่วไป แต่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลก็อยู่ในภาวะขาดแคลน
แต่รัฐบาลเองก็ยืนยันว่าไม่มีการกักตุน ไม่มีการขาดแคลน ทั้งที่คำอธิบายมันสวนทางกับสิ่งที่ประชาชนทั่วไปรับรู้
ไม่เพียงแค่นั้นยังพบว่าคนที่อ้างว่าสนิทสนมกับรัฐมนตรีคนดัง ไปโผล่ในคลิปท่ามกลางสินค้าหน้ากากอนามัยเป็นล้านๆ ชิ้น พร้อมส่งขายบิ๊กล็อตให้นายทุนชาวจีน
มันเกิดอะไรขึ้น หรือสินค้าเหล่านี้ประชาชน แพทย์ พยาบาลไม่มีสิทธิเข้าถึง
แต่หากเป็นคนใกล้ชิดรัฐบาล ใกล้ชิดรัฐมนตรี กักตุนทำกำไรได้อย่างไม่เคอะเขิน
ไม่เพียงแค่นั้น การบริหารจัดการเกี่ยวกับแรงงานผิดกฎหมายชาวไทย ที่แห่กลับจากเกาหลีใต้ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ
พูดกันฉอดๆ ต้องกักตัวทุกคน แต่เอาเข้าจริงก็ไร้น้ำยาในการกำกับดูแล ปล่อยปละละเลย จนคนนับพันพล่านไปทั่วประเทศ สร้างความตื่นตกใจให้กับคนทั้งประเทศ
และในขณะที่ปัญหาอื่นๆ ยังไม่ได้แก้ ก็ดันผุดไอเดียแจกเงินแสนล้าน อ้างเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตกเย็นก็ประกาศรับบริจาคเงินจากประชาชน ตั้งกองทุนสู้ภัยโควิด-19
ทำคนส่ายหน้า ขนาดกองเชียร์แฟนพันธุ์แท้ ก็เริ่มถอย ไม่สามารถอุ้มชูอีกต่อไปได้
สุดท้ายนายกฯ ก็ต้องประกาศยกเลิกแผนแจกเงิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐ ก็อัดแคมเปญโฆษณาอย่างถึงพริกถึงขิง
แล้วเมื่อสรุปออกมาเช่นนี้จะมองหน้ากันเองได้อีกหรือไม่ หรือก็ทำเลิ่กลั่กตามประสาเซลล์สมองเสมอกัน
และแน่นอนแม้เป็นความย่ำแย่ของบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาล
แต่ในฐานะนายกฯ จะลอยตัวปฏิเสธไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รับผิดชอบไม่ได้
ไม่เช่นนั้น ‘ผนงรจตกม.’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ