“รุก กลางกระดาน”

ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว สำหรับคดีร้องเรียนว่ามีบิ๊กสื่อขี้หลี โดยมีพฤติกรรมล่วงละเมิดพนักงาน จนเป็นเหตุให้นักข่าวภาคสนามลงชื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน

ส่งผลให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต้องออกแถลงการณ์ตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริง

เพราะถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรสื่อ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง นำเสนอให้กับประชาชน

หากตกเป็นผู้ที่ละเมิดจริยธรรม คุณธรรม และศีลธรรม เสียเอง หากยังลอยหน้าลอยตาไปตรวจสอบใคร ก็คงถูกสังคมประณามว่าหน้าด้านสิ้นดี

จึงเป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุนให้คลี่คลายข้อเท็จจริงให้ได้โดยไว

หากเกี่ยวพันถึงใครก็ต้องมีวิธีดำเนินการตามความเหมาะสม ในกรอบของกฎหมายและจริยธรรม

ไม่ให้ใครหน้าไหนใช้หน้ากากของความดี ทำในสิ่งที่น่าอัปยศอดสู

หากไม่มีมูลก็ต้องชี้แจงแถลงไขให้สังคมรับทราบ พร้อมหลักฐานที่น่าเชื่อถือ

เพราะไม่เช่นนั้นสังคมเคลือบแคลง คิดว่ามวยล้มต้มคนดูช่วยเหลือพวกเดียวกัน

แต่แทนที่กระบวนการจะเดินหน้าไปตามทิศทางที่เหมาะสม กลับต้องเจอเรื่องแทรก

เมื่อทนายความ ที่อ้างว่ารับมอบอำนาจจากผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว ทำหนังสือถึงสมาคม คัดค้านการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

อ้างว่าไม่มีอำนาจ ไม่มีเจ้าทุกข์ ไม่มีผู้ถูกกล่าวหา หากเดินหน้าต่อไปอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท

รวมทั้งเตือนคนที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการว่าอาจจะเข้าข่ายตัวการร่วม?

แต่ไม่ยอมเปิดชื่อลูกความที่อ้างว่าเสียหาย!??

จนเกิดข้อสงสัยว่ามีความพยายามที่จะยุติการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว

ผิดจากแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชนที่ดำรงอยู่กัน

เป็นอาการหวั่นไหวในลักษณะ ‘พล่าน’ ที่ดูจะ‘มีมูล’

เพราะหากไม่เกี่ยวข้องจริงๆ ก็ควรสนับสนุนให้การสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่ไม่รู้ว่า‘จริง’หรือ‘เก๊’ ก็ส่อจะไม่ ‘เก๊’เสียทีเดียว

และอดไม่ได้ที่จะถามถึงคนที่เสนอให้ใช้ทนายมายื่นโนติส ว่าจริงๆ แล้ว

‘หวังดี ประสงค์ร้าย’ หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน