“รุก กลางกระดาน”
ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับการรื้อฟื้นคดี 99 ศพขึ้นสู่กระบวน การยุติธรรม
ดังจะเห็นได้จากที่ทนายความและญาติผู้เสียชีวิตไปยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อส่งเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณา ตามเขตอำนาจที่ศาลฎีกาว่าไว้
ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อคนที่รู้สึกสูญเสียและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องดิ้นรนที่จะแสวงหาความยุติธรรม และพูดแทนคนตายที่ไม่มีโอกาสเรียกร้องเพื่อตัวเอง
แต่ขณะเดียวกัน เราก็จะเห็นความพยายามของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะออกมาอธิบายความในกรณีนี้ในอีกรูปหนึ่ง
ไม่ว่าจะอ้างอิงทฤษฎีพิลึกพิลั่นเกี่ยวกับเรื่อง 6 ศพวัดปทุมฯ ว่าเป็นฝีมือชายชุดดำยิงใส่พยาบาลอาสา และจนท.กู้ภัย
ทั้งที่คำไต่สวนการตายของศาลอาญาก็ระบุไว้ชัดว่าผู้ตายทั้ง 6 คน ถูกยิงจาก มุมสูง โดยฝีมือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า
แถมยังระบุชัดเจนว่าหน่วยงานไหนปฏิบัติหน้าที่ตรงไหน ใครเป็นคนคุมกำลัง
ละเอียดยิบ!??
นอกจากนี้ยังมีความพยายามตอบโต้เรื่องการสั่งใช้อาวุธ ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ก็ยอมรับในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ว่าเป็นผู้สั่งให้ใช้กระสุนจริงเอง
รวมทั้งกล่าวอ้างว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวมีชายชุดดำติดอาวุธออกมาก่อเหตุ จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปกป้องตัวเอง
เท่ากับว่าอนุญาตให้ใช้อาวุธสงคราม กระสุนจริงกับชายชุดดำ
หากเป็นเช่นนี้ในจำนวน 99 ศพที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีใครบ้างไหมที่เป็นชายชุดดำ หรือมีใครบ้างไหมที่ติดอาวุธสงคราม
หากยืนยันว่ามีจริง ก็ควรนำข้อมูลออกมาให้ชัดเจน
หรือหากไม่ใช่ ก็ต้องตอบคำถามว่าทำไมผู้บริสุทธิ์เกือบร้อยต้องเซ่นสังเวยชีวิตกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ถือเป็นเรื่องหลักที่พรรคประชาธิปัตย์ควรจะสร้างความกระจ่างให้กับสังคม
โดยเฉพาะก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป
ไม่เช่นนั้น ความคลุมเครือในเรื่องนี้ย่อมส่งผลถึงคะแนนนิยมและภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน