“รุก กลางกระดาน”
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ สำหรับคำพิพากษา ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ที่ตัดสินจำคุก 5 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
แต่มีคำถามเกิดขึ้นกับกระบวนการดำเนินคดี เพราะตั้งแต่รัฐประหารสำเร็จ การลุยเอาผิดก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้น
โดยหลักใหญ่ใจความของคำพิพากษาครั้งนี้ก็คือ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนการ กระทำที่เกิดจากแนวนโยบาย และการบริหารงานของรัฐได้
และในส่วนรายละเอียดของคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาลผลิต
เนื่องจากแม้มีความเสียหาย แต่ก็มีการกำหนดหลักเกณฑ์ป้องกันความเสียหายไว้แล้ว และยังปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะๆ
แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากปล่อยให้เกิดทุจริตการระบายข้าวจีทูจี ดังเช่นที่ศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัยไปก่อนหน้านี้
ถึงจะตั้งกรรมการสอบ หรือปรับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ พ้นจากรมว. พาณิชย์ไปแล้วก็ตาม
ก็ยังคงผิดอยู่ดี
แม้นักวิชาการด้านกฎหมายจะตั้งข้อสังเกต ว่าตอนที่ป.ป.ช.ชี้มูลไม่มีเรื่องจีทูจี
จนน่าสงสัยว่าเรื่องนี้แอบเข้ามาอยู่ในสำนวนได้อย่างไร
แต่ก็ถือว่าศาลฎีกาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ ให้นายกฯ ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล
มีสิทธิ์ติดคุกได้ทันที!??
จึงจะเป็นบรรทัดฐานที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคต เพราะที่ผ่านมายังมีโครงการของรัฐอีกหลายอย่างที่ถูกตั้งคำถาม
ไม่ว่าจะเป็นการประกันราคาข้าว การก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ที่สุดท้ายได้แค่เสา
รวมทั้งการจัดซื้ออาวุธ ไม่ว่าจะเป็นจีที 200 จัดซื้อเรือเหาะภาคใต้ ที่ปลดระวางโดยไม่ได้ใช้งาน
หรืออีกสารพัดโครงการที่ถูกตั้งข้อสงสัยทำให้ประเทศชาติเสียหายมหาศาล
ยิ่งแก้กฎหมายให้คดีทุจริตไม่มีอายุความด้วยแล้ว
พึงสังวรไว้เถิด วันใดที่คดีเหล่านี้ขึ้นสู่ศาลได้ แล้วยึดมาตรฐานยิ่งลักษณ์
ถ้ายังไม่ตาย ก็ติดคุกหัวโตกันเลยทีเดียว