“รุก กลางกระดาน”
ถือเป็นความทุกข์ยากของคนใน กทม.อย่างยิ่ง
สำหรับเหตุน้ำท่วมขังถึง 55 จุดในกรุงเทพฯ หลังจากฝนกระหน่ำลงมาในคืนวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา
เพราะเป็นการท่วมแบบฉับพลันทันใด เรียกว่ากำลังหลับฝันดี ตื่นเช้ามาก็มี “น้องน้ำ”มาอยู่เป็นเพื่อน
พร้อมกับความเสียหายของทรัพย์สินเครื่องใช้ต่างๆ หรือกระทั่งรถยนต์ราคาแพง
โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆ ดีที่ยังไม่มีข่าวใครถูกไฟชอร์ตตายคาที่นอน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความเสียหายเหล่านี้จะไปเรียกร้องค่าเสียหายได้จากใคร!??
ส่วนสาเหตุของน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่ว่า จะเกิดจากขยะล้นเมือง ไม่มีการจัดเก็บ ขุดลอก หรือเครื่องสูบที่สถานีสูบน้ำเสียหาย ไม่ได้เปิดใช้ หรือจะเป็นปัญหาน้ำทะเลหนุนทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่าง เชื่องช้า
ก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำอีก
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือพื้นที่กทม. นี่อ่อนแอและเปราะบาง ขนาดฝนตกหนักไม่กี่ชั่วโมง ก็ถึงขั้นจมบาดาล เดือดร้อนกันไปทั่ว
และเป็นเครื่องย้ำเตือนให้ฉุกคิดว่าในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง ที่เป็นทางผ่านของน้ำที่เร่งระบายออกจากเขื่อน
ต่างก็ประสบความเดือดร้อนไม่ แพ้กัน
ยิ่งไปกว่านั้นจากข้อมูลของกรม ชลประทานเอง ก็ระบุว่าระดับน้ำในเขื่อน 17 แห่งก็รับน้ำจนใกล้ขั้นวิกฤต
เมื่อไปรวมกับสถานการณ์ฝนที่ยังตกหนักจากพายุต่างๆ ย่อมทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้ การระบายน้ำมหาศาลต้องเกิดขึ้นแน่นอน
รัฐบาล”ลุงตู่”จึงต้องแสดงความเป็น มืออาชีพ ในการบริหารจัดการน้ำเพื่อ ให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ยิ่งรัฐบาลนี้มีบุคลากรที่เคยทำงาน ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี”54 ร่วมงานอยู่เป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ามีประสบการณ์มากมาย
ต้องโชว์ฝีมือให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ อย่าให้ประชาชนต้องมาสงสัยในศักยภาพการทำงาน จนต้องเอาไปเทียบกับรัฐบาลก่อนเลย
มันจะดูไม่งาม!??