เป็นอย่างที่ใครหลายคนคาดการณ์ กรณีคลิปเสียง “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กับ นางจุรีพร สินธุไพร เกี่ยวกับโควตาหวย 15 ล้านบาทเพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้ง
สุดท้ายก็ลามมาถึงตัวนายกรัฐมนตรีจนได้
ล่าสุดถึงแรมโบ้อีสาน จะประกาศลาออกจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และทุกตำแหน่ง เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์และความรับผิดชอบ
อีกทั้งเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ลาม กระทบไปถึงนายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรง

แต่ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะช้าเกินไปกว่าที่นายกฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ประเด็นคือตั้งแต่แรกที่มีข่าวคือวันที่ 3 เม.ย. แรมโบ้อีสาน รวมถึงนางจุรีพร ต่างก็ยอมรับว่าเป็นเจ้าของเสียงในคลิปจริง

สำหรับคนเป็นผู้นำ เมื่อคนใกล้ตัวก่อเรื่องทำให้สังคมคลางแคลงใจ สิ่งที่สมควรทำคือต้องสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน พร้อมกับตั้งเรื่องสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน

แต่นายกฯ ไม่เพียงไม่ดำเนินการ ยังให้สัมภาษณ์ปกป้อง เชื่อถือคล้อยตามที่ แรมโบ้อีสาน ชี้แจงกล่าวอ้าง ว่าบทสนทนาในคลิปเป็นแค่การหยอกล้อกันเล่น อีกทั้งยังยืนยันจะไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ถึงนายเสกสกล ลาออก แต่นายกฯ ยังต้องรับผิดชอบ
อ้างถึง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11 ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ไว้ว่า (1) กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน และมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น

การปรากฏข่าวดังกล่าว เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์
แม้บุคคลดังกล่าวจะประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งของข้าราชการการเมือง ไม่ได้หมายความว่านายกฯ จะยกเว้นหรือถือเป็นเรื่องสิ้นสุดได้
อย่าให้คำว่า “ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง” แล้วกลายเป็นการยุติเรื่องต่างๆ ได้โดยง่าย เพราะนายกฯ ยังต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา หากปล่อยปละให้มีการกระทำความผิด
แสดงถึงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน