กลายเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจอย่างยิ่งสำหรับกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกกล่าวหาพัวพันในคดีข่มขืน อนาจาร จนมีเหยื่อนับสิบราย
แถมทั้งหมดฝ่ายผู้กล่าวหายังให้การในทำนองเดียวกันถึงพฤติการณ์ว่ามักพุ่งเป้าไปที่เหยื่ออายุน้อย ใช้ช่องทางคอนเน็กชั่นในเรื่องการเงิน การลงทุน ขายฝัน ก่อนชักชวนไปหารือในที่ลับตาและลงมือก่อเหตุ
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังระบุอีกว่ามีการอ้างถึงนายศุภชัย พานิชภักดิ์ ผู้เป็นพ่อ ที่เป็นถึงอดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.องค์การค้าโลก จนเหยื่อหวาดผวาไม่กล้าดำเนินคดี หรือเปิดเผยเรื่องราวต่อสาธารณะ
เรื่องคดีจะเป็นอย่างไร จะเป็นการกระทำผิดจริง หรือกล่าวหาให้ร้าย คงต้องรอผลสรุปจากกระบวนการยุติธรรม

อีกด้านหนึ่งที่สังคมสนใจไม่แพ้กันก็คือเรื่องของความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งแม้นายปริญญ์ก็ประกาศลาออกจากรองหัวหน้าพรรคไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ยังเกิดคำถามว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคอย่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่มีส่วนสนับสนุนให้นายปริญญ์ขึ้นมาเป็น รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ แทน กรณ์ จาติกวณิช จนอีกฝ่ายต้องออกไปตั้งพรรคใหม่
ซึ่งแน่นอนว่านายจุรินทร์เองก็รับทราบถึงกระแสดังกล่าว จนต้องออกมาเปิดแถลงขอโทษประชาชน

อย่างไรก็ตามที่กระแสยังไม่จบ เพราะการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากประธานคณะกรรมการ 2 คณะที่ทำงานเกี่ยวกับสตรีในนามของรัฐบาลนั้น
ทำให้เกิดแรงกดดันมายังเก้าอี้หัวหน้าพรรค รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่นายจุรินทร์ยังคงนั่งอยู่ต่อไป!!
เมื่อถูกถามก็บอกว่าต้องรับผิดชอบอยู่แก้ปัญหา ไม่อยากทิ้งปัญหาให้คนรุ่นต่อไป

จึงไม่แปลกใจที่แรงขย่มยังคงรุนแรง โดยเฉพาะการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองก็ไม่ธรรมดา เพราะตอนจุรินทร์ขึ้น ก็มีอีกฝ่ายอกหัก
เอาเป็นว่าหากในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์ยังมีนายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ อยู่อีก
ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของ ประชาธิปัตย์จริงๆ ทั้งในแง่ศึกภายในอันไม่ธรรมดา ทั้งในด้านสังคมภายนอก สายตาประชาชน โดยเฉพาะแง่สิทธิสตรี
ส่วนจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ของความกล้า หรือความเย็นชา
สังคมจะเป็นผู้ตัดสินเอง!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน