สถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ กรณีปริญญ์เอฟเฟ็กต์ ต้องเรียกว่ากู่ไม่กลับ

ถึงแม้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค จะออกมาแถลงขอโทษต่อประชาชนแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ไม่จบ สังคมเริ่มเรียกร้องไปไกลกว่าคำขอโทษ สอดคล้องกับกระแสเรียกร้องจากอดีตสมาชิกและสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง

ไม่ว่าจะนายวิทยา แก้วภราดัย ที่เพิ่งยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค กล่าวตรงๆ ว่าต้องการให้นายจุรินทร์และกรรมการบริหารพรรคลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของพรรค

ตามด้วยนายกนก วงษ์ตระหง่าน ลาออกจากรองหัวหน้าพรรรค เหตุผลด้วยสำนึกทางศีลธรรม และต้องการสะท้อนไปยังผู้บริหารพรรค ว่าประชาชนผิดหวังอย่างมากต่อการตัดสินใจของพรรคที่นำโดยหัวหน้าพรรคต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“นายจุรินทร์ต้องลาออกจากตำแหน่งด้วยความรับผิดชอบทางศีลธรรม แล้วสมาชิกอาจเลือกกลับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคอีกก็ได้”

อดีตรองหัวหน้าพรรคกล่าวพร้อมยืนยัน การขับเคลื่อนนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อย่างที่มีแกนนำสมาชิกพรรคบางคนพยายามจะตีประเด็นนี้แต่อย่างใด

“พรรคตั้งมา 60-70 ปี เจอวิกฤตศรัทธาประชาชนหลายรอบ ครั้งนี้คือเรื่องจริยธรรมในพรรค เป็นวิกฤตศรัทธาที่หนักหน่วงมาก ถ้าไม่รีบกอบกู้ พรรคจะเสียหาย อย่าให้กรณีนี้ทำลายศรัทธาที่เหลือ ควรรีบกอบกู้โดยเร็ว”

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ระบุและว่า ปัญหาตอนนี้เป็นเรื่องภาวะผู้นำ กับการบริหารภายในพรรค

จากพรรคขนาดใหญ่กลายเป็นพรรคขนาดกลางค่อนข้างเล็ก จากสมาชิกพรรคเป็นร้อยวันนี้นับได้แค่ 50 การที่มีสมาชิกลาออกต่อเนื่อง สะท้อนถึงปัญหาภายใน

ด้าน นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคตอนนี้เป็นเรื่องหลักการ ไม่ใช่ความขัดแย้ง แย่งชิงตำแหน่ง

“พรรคมีบุคลากรที่เต็มไปด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ มากด้วยประสบการณ์ เป็นที่เคารพนับถืออีกหลายคน ที่เพียบพร้อมจะถือธงนำพรรคในช่วงวิกฤตครั้งนี้ ทั้งท่านชวน ท่านบัญญัติ ไม่ใช่เฉพาะท่านอภิสิทธิ์”

นี่คือบางส่วนของเสียงสะท้อนจากคนใน ที่พุ่งเข้าใส่นายจุรินทร์ แบบเต็มๆ

วิกฤตศรัทธาไม่ใช่เกิดแต่กับพรรค ยังเกิดกับผู้นำพรรคอีกด้วย

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน