ข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง ก็จะได้เห็นพรรคการเมืองขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ออกมานำเสนอต่อประชาชน

โดย 1 ในปัญหาสำคัญ ที่หลีกเลี่ยงพูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ที่เกิดขึ้นมาตลอดตั้งแต่การรัฐประหาร 2557

มาถึงตอนนี้เกือบ 10 ปีแล้วแทนที่จะบรรเทาเบาบางกลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าสถานการณ์ไม่ถึงขั้น การชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลเมื่อปี 62-63 แต่ความเจ็บช้ำต่างๆ ก็ยังคงอยู่ไม่เลือนรางไปไหน

พร้อมกับคดีความที่กระหน่ำซ้ำเติมบรรดาแกนนำและผู้ชุมนุม จนเวลานี้ยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองที่ต้องติดคุก ติดตะรางกันอยู่ไม่น้อย

อย่างล่าสุดก็คือการขอถอนประกันตัวเองของ ตะวัน และแบม ผู้ต้องหามาตรา 112 ทำให้ถูกขังในเรือนจำ

ซึ่งทั้งคู่ประกาศอดอาหารและน้ำ เพื่อเรียกร้องเรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องหา หรือเรียกร้องสิทธิประกันตัว ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั่นเอง

กลายเป็นคำถามว่าแต่ละพรรค การเมืองมีนโยบายอย่างไรกับเรื่อง ดังกล่าว!??

เพราะคำพูดสวยหรูว่าก้าวข้ามความ ขัดแย้ง สมานฉันท์ สามัคคี ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงหากปราศจากความยุติธรรม

การทำให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ซึ่งเวลานี้ถือเป็นโอกาสอันดี ที่แต่ละพรรคการเมือง รวมทั้งรัฐบาลจะได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา

แสดงออกให้เห็นว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นใน บ้านเมือง

ไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะเอาเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือคนไทยด้วยกันไปกักขังไว้เพียงเพราะว่าความเห็นต่างทางการเมือง

ควรต้องพึงระลึกว่าคนเหล่านี้ก็เป็นลูกหลาน เป็นคนที่จะต้องขึ้นมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาต ที่ต้องพิฆาตกันให้แดดิ้น

การมีเมตตาจึงเป็นเรื่องสำคัญ!!!

และในมุมกลับ หากไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไข ย่อมเป็นการซ้ำเติมให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น ตอกลิ่มความขัดแย้งให้ขยายตัวในวงกว้างอย่าง ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จึงอยู่ที่การตัดสินใจของผู้มีอำนาจว่าจะเลือกทิศทางใด และยอมรับผล ที่ตามมาได้แค่ไหนอย่างไร!!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน