จับตาการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดรักษาการ วันที่ 24 พ.ค.
เป็นการประชุมตามขั้นตอนหลังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค อันเป็นผลจากการนำพรรคแพ้เลือกตั้ง 14 พ.ค.
ในแบบยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์พรรค
วาระประชุมหลัก พิจารณารูปแบบการเลือกตั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมถึงกำหนดวันจัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญพรรคเพื่อเลือกตั้งดังกล่าว
ส่วนที่ไม่ได้เป็นวาระประชุม แต่เป็นที่สนใจจับตาของสังคมคือ การมีผู้เสนอหยิบยกประเด็นร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลขึ้นมาพิจารณาสอดแทรก
แนวทางนี้ตามที่เป็นข่าว เปิดขึ้นมาโดยรักษาการรองหัวหน้าพรรค 2 คน นายอลงกรณ์ พลบุตร กับนายสาธิต ปิตุเตชะ
นายสาธิตกล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ ว่าเรื่องนี้เป็นแนวทางเชิงอุดมการณ์อย่างหนึ่งของการปิดสวิตช์ส.ว.
เป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดมาตลอด
Advertisement
และกับผลเลือกตั้งที่ออกมาก็ต้องยอมรับเสียงของประชาชนที่กำหนดทิศทางประเทศ ประชาธิปัตย์จึงต้องพูดคุยกันว่า จะเดินหน้าทำให้พรรคเป็นที่เชื่อมั่นเชื่อใจของประชาชนได้อย่างไร
ด้านนายอลงกรณ์ให้ความเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนระหว่างหาเสียง ว่าจะฟังเสียงประชาชนในการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดจุดยืนพรรคหลังทราบผลเลือกตั้ง
ดังนั้น เมื่อประชาชนกว่า 14 ล้านคนเลือกพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 ทั้งส.ส.แบบเขตและบัญชีรายชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์จะเคารพเสียงประชาชน ด้วยการลงมติสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ โดยไม่มีเงื่อนไขร่วมรัฐบาล
ถึงเวลาพรรคประชาธิปัตย์ต้องช่วยผ่าทางตันที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 376 เสียง
เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ตามเจตนารมณ์ประชาชนในการเลือกตั้ง
ความเห็นทั้งของนายสาธิต และนายอลงกรณ์ ตรงใจคนจำนวนมากทั้งที่เป็นแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์
เพราะการทำให้ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจ ถึงจะแพ้เลือกตั้งกลายเป็นพรรคเล็ก แต่ก็ยอมรับเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตย
คือจุดเริ่มต้นนับหนึ่งในการกอบกู้ฟื้นฟูพรรคจากก้นหลุม
หลังจากถูกผู้มีอำนาจฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย ชักจูงให้เดินออกนอกลู่นอกทางมานาน
กระทั่งเกิดผลลัพธ์ตกต่ำอย่างที่เห็น
มันฯ มือเสือ