นับเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตาอย่างยิ่ง สำหรับสารพัดวิบากกรรมที่ถาโถมเข้าใส่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล

ยิ่งใกล้วันลงคะแนนโหวตเลือก นายกฯ ความเคลื่อนไหวก็ยิ่งรุนแรง

ทั้งที่หากเป็นประเทศประชาธิปไตยที่อื่นๆ ถ้าชนะได้เสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 รวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็น่าจะได้เป็นนายกฯ ไปเรียบร้อย

เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาอย่างยาวนาน ให้ประชาชนได้สัมผัสว่าฝีไม้ลายมือในการบริหารประเทศมีมากน้อยแค่ไหน

ไม่ต้องละเมอเพ้อพก ได้ดมเพียง ‘กลิ่น’ ความเจริญ อย่างนี้

แต่เมื่อเป็นประเทศไทย เรื่องที่ ‘ไม่ปกติ’ ก็กลายเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ อย่างดื้อๆ ด้านๆ

ไม่ว่าจะเป็นส.ว.ที่มาจากคณะรัฐประหาร แต่มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ ที่ส่วนหนึ่งเริ่มออกมาเดินเกมไม่โหวตให้นายพิธา

จากนั้นก็เริ่มตีโพยตีพาย ให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกกต. ศาลรัฐธรรมนูญเร่งพิจารณาคุณสมบัติส.ส.ก่อนจะถึงวันโหวตนายกฯ








Advertisement

ทั้งที่ไม่เคยเรียกสอบถามข้อมูลใดๆ จากฝ่ายที่ถูกกล่าวหา

เข้าข่ายลุกลี้ลุกลนรีบร้อนจนเสียอาการ!!

โยนเผือกร้อนให้ช่วยสอยแทน กะหวังผลโดยที่มือไม่ต้องแปดเปื้อน

น่าเสียดายที่ยุคนี้สมัยนี้ ข้อมูลข่าวสารมันทันกันหมด แถมผู้เล่นที่ออกโรงก็เล่นบทประเภทนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

จนสังคมไม่แปลกใจ หากจะ บอกว่ามีขบวนการล้ม ‘พิธา’ ล้มผล การเลือกตั้งของประชาชน

และในที่สุด คนพวกนี้ก็คงพยายามทำให้ได้ตามวัตถุประสงค์

เพียงแต่น่าสงสัยว่าได้คิดหรือไม่ว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ มี ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ ขนาดไหน

เอาเป็นว่าที่ผลเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ ความนิยมของก้าวไกลก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ความพังพินาศของรัฐบาลประยุทธ์ และระบอบเก่าก็เป็นส่วนสำคัญ

หากไม่ถอดบทเรียน ยังคงคิดจะฝืนมติมหาชน ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือด้วยอหังการว่าไม่มีใครทำอะไรได้

ค่าที่ต้องจ่ายเพื่อการนี้จะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นฉิบหายขายตัวกันไป ข้างหนึ่ง

ถ้ารับไหว ก็ทำไปเลย!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน