กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรง และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
สำหรับกรณีองค์ประชุมสภาล่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขปัญหาราคากุ้ง และสินค้าเกษตรตกต่ำ
เมื่อพรรคก้าวไกล ได้เสนอนับองค์ประชุม และมีสส.แสดงตนเพียง 98 คน ไม่ครบองค์ประชุมที่ต้องเกินกึ่งหนึ่ง
เป็นเหตุการณ์สภาล่มครั้งแรกของสส.ชุดนี้ หลังการเลือกตั้งได้เพียง 3 เดือน และในสถานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากท่วมท้นถึง 314 เสียง
แน่นอนว่าทุกสายตาจับจ้อง ต้องพุ่งไปที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นพันธมิตรที่แนบแน่น ก่อนที่เพื่อไทยจะสลายขั้วจับมือ 2 ลุงตั้งรัฐบาล
และถูกมองว่าเป็นการย้อนศรเอาคืนที่เจ็บปวด เพราะหากจำกันได้ตลอด 4 ปีที่เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ใช้กลยุทธ์นับองค์ประชุม จนล่มแล้วล่มอีก
แถมเพื่อไทยเองนี่แหละ ที่ออกมาขย่มโจมตีอย่างรุนแรง
รุนแรงถึงขั้นไล่นายกฯ ที่หากคุมเสียงในสภาไม่ได้ให้ออกไปเลยด้วยซ้ำ!!!
Advertisement
พอมาครั้งนี้จึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตา
แน่นอนว่าย่อมมีคำอธิบายต่างๆ นานา จากฟากฝั่งเพื่อไทย ที่ระบุในทำนองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการผูกใจเจ็บของก้าวไกลที่เสนอเลื่อนญัตติถกรัฐธรรมนูญขึ้นมาไม่ได้ จึงเอาคืนด้วยการนับองค์ประชุม
อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าจริงๆ แล้วสส.เพื่อไทย และฝั่งรัฐบาล ได้เข้ามาร่วมประชุมหรือไม่ หากไม่มา ไปอยู่ที่ไหน
หรือจะเป็นแบบที่นายอดิศร เพียงเกษ พยายามอธิบายว่าอยู่ แต่ไม่ร่วมแสดงตน
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เท่ากับว่าเพื่อไทยจงใจทำให้สภาล่ม!!!
นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจด้วยว่าในฐานะเสียงข้างน้อย อาวุธที่จะนำมาใช้ได้ในสภา ก็คือการนับองค์ประชุม และการวอล์กเอาต์
แต่หากฝ่ายรัฐบาลสามารถรักษาองค์ประชุมได้ หรือแค่มาทำงาน ทำหน้าที่สส. ไม่ว่าจะนับองค์ประชุมครั้งไหนก็ผ่านฉลุย
แถมแรงกดดันจะถูกตีกลับไปสู่ก้าวไกล ว่าเล่นการเมืองไม่หยุดหย่อน
ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในสภาของเพื่อไทย จึงไม่ใช่ก้าวไกล
แต่เป็นมาตรฐานที่เพื่อไทยตั้งระดับไว้เองในสมัยประชุมครั้งที่แล้ว เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านนั่นเอง!!!
รุก กลางกระดาน