บิ๊กแป๊ะขีด15วัน สอบคดี‘บอส’ – 31อจ.นิติฯมธ.จี้ อสส.-ตร.เร่งแจง

นิติฯมธ.เคลื่อนไหว 31 อาจารย์ลงชื่อเรียกร้อง อัยการสูงสุดและตำรวจเร่งชี้แจงขั้นตอน การดำเนินคดีบอส-วรยุทธ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งไม่ฟ้องและการปล่อยให้คดีขาดอายุความ และตรวจสอบว่าการใช้ดุลพินิจโปร่งใสถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่ากระบวนการยุติธรรมเหลื่อมล้ำ

ขณะที่อัยการนัดประชุมแล้ว หาข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะที่บิ๊กแป๊ะ ตั้งกรรมการสอบของตร. ขีดเส้น 15 วันต้องชัดเจน เหตุไม่มีความเห็นแย้งอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง ด้านกมธ.กฎหมายส่งจ.ม.เชิญอสส.-ผบ.ตร.แล้ว นัดวันที่ 29 ก.ค. เสี่ยเบนซ์ชี้แจงปมอัยการอุทธรณ์ ยันศาลตัดสินแล้ว ยืนตามชั้นต้นรอลงอาญา ไม่อยากให้รื้อฟื้นกลัวกระทบจิตใจเด็ก ชี้คดีตัวเองคนละเรื่องกับคดีบอส

จากกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ในการขับเก๋งเฟอร์รารี่หรูพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตร.สน.ทองหล่อ ลากร่างไปไกลกว่า 200 เมตร เหตุเกิดเมื่อปี 2555 ขณะที่ตร.ไม่คัดค้านและถอนหมายจับทุกคดี ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรม ตามที่ข่าวสดรายงานไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธว่า ขณะนี้คณะทำงานทุกคนรับทราบ คำสั่งแล้ว ซึ่งประธานคณะทำงานสั่งให้ตนในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานเร่งประสานคณะทำงานทุกคนเพื่อประชุมโดยเร็ว คาดว่าอาจจะนัดประชุมได้ในวันที่ 28 ก.ค. เพราะอัยการต้องการให้ความจริงปรากฏเร็วที่สุด เบื้องต้นจะศึกษาสำนวนก่อนว่าสั่งคดีอย่างไร ส่วนแนวทางการตรวจสอบประธานคณะทำงานจะเป็นผู้พิจารณา

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกตร.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เกี่ยวกับการดำเนินการของข้าราชการตำรวจว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่

โดยพล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นประธาน พร้อมคณะกรรมการ รวม 10 ราย ทั้งนี้ให้คณะกรรมการทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง พร้อมรายงานผลให้ทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. 31 คน ประกอบด้วย 1.รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน 2.รศ.ดร.สุปรียา แก้วละเอียด 3.รศ.ดร.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ 4.ผศ.ดร.รณกรณ์ บุญมี 5.รศ.ดร.นิรมัย พิศแข มั่นจิตร 6.รศ.ดร.สมเกียรติ วรปัญญาอนันต์ 7.รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร








Advertisement

8.ผศ.ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย 9.ผศ.ทวีศักดิ์ เอื้ออมรวนิช 10.ผศ.ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ 11.อาจารย์ปวีร์ เจนวีระนนท์ 12.อาจารย์ เอื้อการย์ โสภาคดิษฐพงษ์

13.อาจารย์เฉลิมวุฒิ ศรีพรหม 14.อาจารย์ภัทรพงษ์ แสงไกร 15.ผศ.กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ 16.ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล 17.ศ.ดร.อุดม รัฐอมฤต 18.ศ.ดร.สุเมธ ศิริคุณโชติ 19.อาจารย์ปทิตตา ไชยปาน 20.อาจารย์อัครวัฒน์ เลาวัณย์ศิริ 21.ผศ.ดร.มาตาลักษณ์ เสรเมธากุล 22.ผศ.ดร.กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง

23.อาจารย์สุรศักดิ์ บุญญานุกูลกิจ 24.อาจารย์พวงรัตน์ ปฐมสิริรักษ์ 25.ดร.นัษฐิกา ศรีพงษ์กุล 26.อาจารย์จุฑามาศ ถิระวัฒน์ 27.อาจารย์ปรียาภรณ์ อุบลสวัสดิ์ 28.อาจารย์กรกนก บัววิเชียร 29.อาจารย์ กีระเกียรติ พระทัย 30.อาจารย์เมษปิติ พูลสวัสดิ์ 31.อาจารย์กิตติภพ วังคำ

ลงชื่อในแถลงกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธระบุว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่เหลื่อมล้ำและเลือกปฏิบัติเพราะเหตุของความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสถานะทางสังคม จนเกิดวาทกรรม “คุกมีไว้ขังคนจน” ในขณะที่บุคลากรส่วนใหญ่ในกระบวนการยุติธรรมและ ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายพยายามอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและพยายามกอบกู้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงการดำเนินคดีอาญาต่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทำให้ความพยายามดังกล่าวไร้ความหมายในสายตาของประชาชาชน และการวิพากษ์วิจารณ์ ของสังคมที่มีต่อองค์กรและบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมบั่นทอนกำลังใจของ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม

เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมายและหลักนิติรัฐ เพื่อกอบกู้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และเพื่อรักษากำลังใจของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังมีรายนามข้างท้าย ขอเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการดังต่อไปนี้โดยเร็ว 1. ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยละเอียดและอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนถึงผลของคดีที่ขาดอายุความและการใช้ดุลพินิจไม่ฟ้องคดีอาญา และ 2. ตรวจสอบว่าการดำเนินการและการใช้ดุลพินิจดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตและโปร่งใสหรือไม่ และหากพบว่ามีการดำเนินการหรือการใช้ดุลพินิจในขั้นตอนใดไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สุจริต หรือไม่โปร่งใส ให้พิจารณาดำเนินการและใช้ดุลพินิจใหม่ให้ถูกต้อง

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ส่งหนังสือเชิญอัยการสูงสุดที่ไม่สั่งฟ้องคดี, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และตำรวจ 5 นายที่เป็นจุดตั้งต้นในการเข้าสอบสวนคดีนี้ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรงไปก่อนหน้านี้ ให้มาชี้แจงต่อกมธ.กฎหมายฯไปแล้ว ซึ่งในวันที่ 29 ก.ค.นี้จะมีการ ประชุมกมธ. ทั้งนี้อยากฝากถึงทุกท่านให้มาชี้แจงด้วยตัวเอง อย่าส่งตัวแทนมา ไม่เช่นนั้นจะส่งหนังสือเชิญไปอีกครั้งหนึ่ง โดยเชื่อว่าหากทุกท่านต้องการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริงก็ควรที่จะให้ความร่วมมือ เพราะประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นต่อองค์กรของท่านและความศรัทธาของประชาชน

ขณะที่พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ส.ว.ในฐานะอดีตปธ.กมธ.กฎหมาย สนช. เปิดเผยถึงการตั้งคำถามว่ากมธ.กฎหมายของสนช. เป็นผู้เสนอขอความเป็นธรรมให้นาย วรยุทธว่า ไม่วันที่ 29 ก.ค.หรือ 30 ก.ค. จะให้นายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. ในฐานะอดีตกมธ. เป็นผู้แถลงรายละเอียด

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพรรคพปชร.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทุกคนไม่ว่าจะรวย หรือจน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม และเรื่องนี้นายกฯสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ถึงขั้นตอนของอัยการ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร พร้อมทั้งให้รายงานโดยด่วน ขณะที่พรรคพปชร.เร่งดำเนินการผ่านกรรมาธิการการตำรวจ และกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง ส.ส.พรรคพปชร.ที่ทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการ ก็ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้ข้อมูลในสัปดาห์นี้ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏสู่สายตาประชาชนอย่างเร่งด่วน และเกิดความยุติธรรมกับทุกคน

ที่ชุมชนปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจกล่าวว่า ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในความสองมาตรฐาน ในแง่หนึ่งเมื่อคนรวยคนมีอำนาจทำผิดกฎหมายไม่ต้องเข้าคุกในประเทศนี้ ขณะเดียวกัน คนเล็กคนน้อยคนที่ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ทำผิดกฎหมายก็จะถูกติดคุกติดตะราง

ความยุติธรรมเป็นเสาหลักสุดท้ายของสังคมในภาวะที่พี่น้องประชาชนหมดศรัทธา กับสถาบันองค์กรการเมืองต่างๆ เมื่อพี่น้องประชาชนหมดศรัทธากับความยุติธรรม สังคมมันจะล่มสลาย ความยุติธรรมคือที่พักพิงสุดท้ายของประชาชน การเอากระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ หรือไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระอย่าง กกต. ป.ป.ช. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองในวันที่ประชาชนไร้สิ้นความหวัง หมดศรัทธากับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม แผ่นดินจะเดือดดาล ไม่อยากให้สังคมไปถึงจุดนั้น ดังนั้นเรื่องนี้ต้องกลับมาที่รัฐบาลว่า รัฐบาลจะกล้าจริงใจเอาคนผิดมาลงโทษหรือไม่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์พูดเสมอว่า ขอให้ประชาชนทุกคนทำตามกฎหมาย คำถามคือรัฐบาลทำตามกฎหมาย เพื่อยื่นความเป็นธรรมให้กับคนทุกกลุ่มคนในประเทศไทยอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันหรือไม่

จากกรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์ การ์ไฟต์ เมาแล้วขับรถเบนซ์สปอร์ตพุ่งชนรถเก๋งของ พ.ต.ท.จตุพร หรือ รองตี๋ งามสุวิชชากุล รอง ผกก.2 บก.ป.เสียชีวิตพร้อมนาง นุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยา และ ด.ญ. พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ลูกสาว บาดเจ็บสาหัส โดยศาลพิพากษาจำคุกรอลงอาญา โดยอัยการยื่นอุทธรณ์ให้จำคุกทันทีไม่รอลงอาญา

ล่าสุดนายสมชายเปิดเผยว่า คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี พิจารณาเเล้วมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษ แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแล้วว่าให้ยืนตามศาลชั้นต้น คือ จำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท และโทษจำคุกรอลงอาญา โดยระหว่างนี้ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งใน 2 ปี รวมทั้งบริการสังคมและสาธารณ ประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี พร้อมทั้งห้ามดื่มสุรา ของมึนเมา โดยตอนที่ไปฟังคำพิพากษานั้น ตนไม่บอกใครเลย นอกจากเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น และไปในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ จากนั้นก็ไม่ได้ให้ข่าวกับใครเลย เพราะคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบแล้ว

“ไม่อยากให้มีการรื้อฟื้นเรื่องนี้มาอีก เพราะตอนนี้สภาพจิตใจของเด็กๆ และทุกคนกำลังดีขึ้น เราติดต่อกันตลอด คุยไลน์ โทร.หา พาไปกินข้าว ส่งขนมที่เด็กๆ ชอบทานให้เป็นประจำ แล้วพอมีข่าวแบบนี้ออกมา เหมือนเป็นการไปรื้อฟื้นเรื่องคดี ทำให้เด็กๆ คิดถึงพ่อแม่ แล้วกลัวว่าสภาพจิตใจจะแย่ลงไม่เข้าใจว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร น่าจะเป็นกรณีของนายวรยุทธจึงขอวอนอย่าให้ทุกคนเอาเรื่องของผมไปโยงกันเลย เพราะว่ามันคนละคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน