ร่วมหลานชาย
ตัดหัว-แขน-ขา

จับแล้วมือฆ่าหั่นศพ ตัดหัว-แขน-ขา แยกชิ้นส่วนใส่ถุงดำ 3 ถุง นำไปทิ้งและเผาอำพรางคดี ที่แท้เมียผู้ตายกับหลานชายร่วมกันก่อเหตุสยอง ปมแค้นฝ่ายชายชอบทำร้ายทุบตีทั้งที่อยู่ด้วยกันมา 20 ปี จนเกิดความกดดัน ก่อนเกิดเหตุก็ทะเลาะกันอีกโดยมีหลานอยู่ที่บ้านด้วยจึงใช้มีดสปาร์ตาจ้วงจนตายคาที่จากนั้นก็ร่วมกันหั่นชำแหละแบ่งใส่ถุงดำ 3 ถุงนำไปทิ้งและเผาอำพรางในป่าหญ้าที่อยุธยา

กรณีพบชิ้นส่วนมนุษย์เพศชายช่วงลำตัว ไม่มีศีรษะ ไม่มีแขน ไม่มีขา นำมาเผาทิ้งริมถนนทางเข้าโรงงาน อิฐบล็อก หมู่ 4 ต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และพบชิ้นส่วนท่อนขา ท่อนแขน นำมาเผาทิ้งบริเวณริมถนนสาย 347 บางปะอิน-บางปะหันมุ่งหน้า อ.บางปะหัน หมู่ 9 ต.บางประแดง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 2 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจลายนิ้วมือจากชิ้นส่วนของมือที่พบ ในพื้นที่สภ.บางปะอินอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งลายนิ้วมือคือ นายสุบิน เกตุหิรัญ อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ทันที่ทราบผลการตรวจลายนิ้วมือ

ช่วงกลางดึกวันที่ 3 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ติดตามไปที่บ้านพัก พบนางวาสนา หรือจอย เข็มขาว อายุ 34 ปี ภรรยาของนายสุบิน และนายอนันตชัย ถิ่นชัยโย อายุ 23 ปี หลานชาย อยู่ภายในบ้าน จึงเชิญมาสอบสวน

หลังสอบสวนไม่นาน ทั้งคู่จึงให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันฆ่านายสุบิน แล้วชำแหละศพ แยกนำไปทิ้ง ใน จ.พระนครศรี อยุธยา สาเหตุเพราะนางวาสนา หรือจอย อ้างว่าถูกนายสุบินทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ไปเล่าให้หลานชายฟังหลายครั้ง จึงร่วมกัน ก่อเหตุ หลังสอบสวนนายอนันตชัยได้บอก จุดที่ทิ้งศพ บริเวณริมถนนสาย 356 เลี่ยงเมืองอยุธยา อ.บางปะอิน จึงได้ระดมค้นหา

ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 3 มี.ค. พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนภาค 1 ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน ชุดสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ กระจายกำลังค้นหาชิ้นส่วนศีรษะของนายสุบิน บนถนนสาย 356 เลี่ยงเมืองพระนครศรีอยุธยา ตัดกับถนนสาย 347 ถนนสายเอเชีย ตามคำให้การของผู้ต้องหา ว่านำชิ้นส่วนของศีรษะมาทิ้งไว้ริมถนนแล้วเผา โดยใช้เวลาการค้นหาตลอดทั้งคืน จนกระทั่งมาพบบริเวณใกล้เคียงกับสี่แยกบ้านกรด ม.7 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ภายในป่าหญ้าพบซากเศษการเผา ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร ในป่าหญ้าพบชิ้นส่วนของศีรษะ สภาพขึ้นอืด จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา แพทย์เวรโรงพยาบาลบางปะอินร่วมตรวจสอบ

จากการรับสารภาพของนางวาสนา หรือจอย ภรรยา ของนายสุบิน ผู้เสียชีวิต อ้างว่า ถูกนายสุบินทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง เวลาที่เมาสุรา จนทนไม่ไหว ไปเล่าให้นายอนันตชัย ถิ่นชัยโย อายุ 23 ปี หลานชายหลายครั้ง จนเกิดความสงสาร จึงได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดแทงจนนายสุบินเสียชีวิต จากนั้นชำแหละศพแยกชิ้นส่วน โดยนำชิ้นส่วนขึ้นรถยนต์กระบะ ใส่ถุงดำ ชิ้นส่วนของแขน ขา มาเผาทิ้งบริเวณถนนสาย347 อ.บางปะอิน จากนั้น ขับรถยนต์กระบะมาที่ถนนสาย 356 เลี่ยงเมืองอยุธยา นำศีรษะทิ้งบริเวณใกล้กับ สี่แยกบ้านกรด อ.บางปะอิน แล้วมุ่งหน้าไปนำส่วนลำตัวไปทิ้งภายในซอยโรงงานอิฐบล็อก ม. 4 ต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ภายหลัง เกิดเหตุ ไม่ได้หลบหนีไปไหน เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องติดตามมาจับกุมตัว จึงรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งสืบสวนมาจับกุมตัวได้

สำหรับ นายอนันตชัย เคยขับรถแบ๊กโฮในบริเวณที่เกิดเหตุ อ.วังน้อย จุดที่นำชิ้นส่วนลำตัวไปเผาทิ้ง จึงรู้เส้นทาง นอกจากนี้ยังเป็นคนชอบขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้ทราบเส้นทางและจุดที่เปลี่ยวในการนำชิ้นส่วนที่ชำแหละไปเผา

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม, พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพน์รักษ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ศราวุธ สวัสดิชัย รองผบก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมกันนำตัวนำสองผู้ต้องหาน้าหลานที่ก่อเหตุฆ่าหั่นศพนายสุบินมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเลขที่ 18 ซอยกาหลง 5 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี บ้านพักของ น.ส.วาสนา ร่วมกับนายอนันตชัยก่อเหตุฆ่าอำพรางศพนายสุบิน โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการเสียชีวิต

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจากจ.นนทบุรี และ อยุธยา ปทุมธานี และสมุทรปราการ ร่วมกันปูพรมเข้าตรวจสอบในเกิดเหตุภายในบ้าน 2 ชั้นหลังดังกล่าว เกิดเป็นบ้านปูน 2 ชั้น พบคราบเลือดจำนวน 7 จุด และพบคราบเลือดจำนวนมากในห้องน้ำ รวมทั้งยังพบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เลือดปะปนติดอยู่ คือผงซักฟอก 1 ถุง ไม้ถูพื้น 2 อัน จึงได้ตรวจยึดไปตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นจึงได้จำลองเหตุการณ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองรายหิ้วถุงดำบรรจุชิ้นส่วนศพนำมาใส่รถกระบะก่อนขับตระเวนไปทิ้งชิ้นส่วนต่างๆ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนี้จะทำแผนในส่วนที่ จ.นนทบุรี อีกจำนวน 2 จุด คือร้านเซเว่นฯที่ซื้อถุงดำ และปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนราชพฤกษ์ ก่อนเดินทางไปทำแผนจุดที่ทิ้งศพใน จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อไป

พล.ต.ท.อำพลกล่าวว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การว่า สาเหตุเกิดจากการที่น.ส.วาสนาและนายสุบิน มีเรื่องทะเลาะกันมาตลอด ทั้งที่เป็นสามีภรรยากันมา 20 ปี และมีการทำร้ายร่างกายกันเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุก็มีปากเสียงทะเลาะกันอีก ซึ่งนายอนันตชัยผู้เป็นหลานของ น.ส.วาสนา ก็รับรู้เรื่องราวมาโดยตลอด จนกระทั่งวันเกิดเหตุนายอนันตชัยและน.ส.วาสนาขับรถมาที่บ้านเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ในตอนเช้า จากนั้นนายสุบินผู้เสียชีวิตได้มาหาที่บ้านในตอนเย็น และก็เกิดทะเลาะกันขึ้นอีก ทำให้นายอนันตชัยใช้อาวุธมีดสปาร์ตาจ้วงแทงเข้าที่ราวนมด้านซ้ายของนายสุบินจนเสียชีวิตภายในห้องรับแขก

ผบช.ภ.1 กล่าวต่อว่าหลังจากนั้นทั้งนายอนันตชัยและ น.ส. วาสนา น้าหลานได้นั่งปรึกษากัน จนกระทั่งตัดสินใจออกไปซื้อถุงดำที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อจะนำมาใส่ชิ้นส่วนที่เตรียมชำแหละ โดยได้นำร่างของผู้ตายเข้าไปชำแหละชิ้นส่วนในห้องน้ำ จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนของศพที่หั่นแล้วออกเป็น 3 ถุง ถุงแรกเป็นชิ้นส่วนแขนและขา นำไปทิ้งบริเวณถนน 347 ถุงที่สองซึ่งเป็นส่วนหัวนำไปทิ้งที่บริเวณถนน 356 และถุงที่สามส่วนลำตัวนำไปทิ้งที่หลังวัดชูจิตร ซึ่งหลังจากนำชิ้นส่วนผู้ตายขึ้นรถกระบะของผู้ตายแล้ว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ขับรถไปแวะซื้อน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.ถนนราชพฤกษ์ เพื่อเตรียมนำไปราดเผาศพในการอำพรางคดี ส่วนมีดสปาร์ตาที่ใช้ก่อเหตุฆ่าหั่นศพนั้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า นำไปทิ้งลงในคลอง แห่งหนึ่ง ซึ่งชุดสืบสวนกำลังค้นหาอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน