ย้ำใช้ผ่าน‘หมอพร้อม’ ฮึ่มเอาผิดให้ร้ายรัฐบาล อนุมัติกู้7แสนล.ฟื้นศก. ลดสมทบประกันสังคม เลื่อนเปิดเทอม14มิย.

บิ๊กตู่เบรกกลางวง ครม. ให้เลิกพูด ‘วอล์กอินฉีด’ หวั่นวัคซีนไม่พอ กลัวโดนคนแห่ไปแล้วไม่ได้ฉีดโวย กำชับลงทะเบียนหมอพร้อม-กลุ่มเสี่ยงเป็นหลัก จี้เร่งปรับปรุงแอพฯให้ศบค.แจ้งข่าวที่เดียว ยันไม่ล็อกดาวน์ รอประเมินให้นั่งในร้าน 14 วัน อนุทินยันสธ.-ศบค.ไม่ได้ขัดแย้งกัน เล็งเอาผิดคนตัดต่อภาพร.พ.บุษราคัม พศ.เร่งฉีดพระกลุ่มเสี่ยง 1.3 หมื่น ครม.อนุมัติลดเงิน สมทบม.33 ลูกจ้าง-นายจ้าง บรรเทาโควิด เหลือ 216 บาท 3 เดือน ตั้งแต่มิ.ย.-ส.ค. เลื่อนเปิดเทอมจาก 1 มิ.ย. ไป 14 มิ.ย. ผู้ว่าฯกทม.แจ้งไม่มีวอล์กอินฉีด หวั่นเป็นคลัสเตอร์แพร่เชื้อโควิด เล็ง ‘เว็บเบส’ เปิดให้คนอายุ 18-59 ปี จองวัคซีน ไม่ต้องแห่เข้าแอพฯ หมอพร้อม

‘บิ๊กตู่’เบรกวอล์กอินฉีด

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 18 พ.ค. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานจะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า การฉีดวัคซีนที่ตนได้ประกาศให้เป็นวาระ แห่งชาติ โดยมีการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมแล้ว 7 ล้านคน “เรามีเป้าหมายว่าจะระดมฉีดวัคซีนแบบ ปูพรม ให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือน คือเดือนมิ.ย. และก.ค. ซึ่งนอกจากโรงพยาบาล และจุดฉีดหลักแล้วยังมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอีกอย่างน้อย 25 จุด กระจายทั่วกทม.รวมถึงสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำและแรงงานต่างๆ เข้าถึง วัคซีนได้สะดวกและรวดเร็ว เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมากเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมา ได้เร่งฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงมาก กว่า 2.3 ล้านโดส ซึ่งได้ผลเป็น อย่างดี และไม่มีใครเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง เลยแม้แต่คนเดียว จึงขอให้มีความมั่นใจ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จี้ตรวจสอบเฟกนิวส์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้ ได้เน้นย้ำในเรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของ รัฐบาลและศบค. ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามมาตรการที่ได้วางไว้ หากใครมีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ย่อมมีความผิดตามกฎหมายและถูกดำเนินคดีได้ จึงขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐ ให้เข้มงวดตรวจสอบดูแลข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตัวเองตลอดเวลา

แผนสู้โควิด – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและผอ.ศบค. แถลงภายหลังประชุมครม. เปิดเผยมาตรการรับมือ โควิดหลายเรื่อง รวมทั้งสั่งเบรกวอล์กอินฉีด ที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมดำเนินการ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ วันที่ 18 พ.ค.

สั่งหยุดตีปี๊บวอล์กอินฉีด

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีการหารือกันถึงประเด็นของการวอล์กอินเข้าไปฉีดวัคซีน โดยพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้รูปแบบวอล์กอิน เพราะหากประชาชนแห่กันไปพร้อมกันที่จุดเดียวจะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา แต่กทม.มีคนจำนวนมาก อยากให้ปรับรูปแบบใหม่ เช่น ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่ตั้ง ซึ่งจะมีการกำหนดให้ชัดเจน ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้ยึดแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ไว้ก่อน ให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อมและกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดก่อน จึงขอให้หน่วยงานไปปรับปรุงและแก้ปัญหาแอพฯ หมอพร้อม เพื่อให้พร้อมใช้ อย่าให้เกิดปัญหาประชาชนลงทะเบียน ไม่ได้ จึงอยากให้หยุดพูดเรื่องวอล์กอินไปก่อนจนกว่าจะได้มาตรการที่ชัดเจน เดี๋ยวคน วอล์กอินเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโวยวายเอา หากวัคซีนเพียงพอหรือเหลือค่อยมาจัดการ กันใหม่ เรื่องวอล์กอินละเอียดอ่อน ต้อง จัดการดีๆ

อนุทินขานรับ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกำชับเรื่องการให้ข่าวที่ไม่ตรงกันเรื่องวัคซีนวอล์กอิน ว่า ไม่ต้องให้ใครให้ข่าว ให้ศบค.เป็นคนให้ข่าวแห่งเดียว และอะไรที่ได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยออกมาพูด ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และอยากให้ทบทวนเรื่องวอล์กอิน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไรเลยนอกจากกล่าวสั้นๆ เพียงว่า “ตามที่นายกฯ สั่งการครับ”

ยันคุมระบาดคุกได้

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่เกิน 1 แสนรายว่า อยากให้ดูตัวเลขว่าเป็นอย่างไร ผู้ติดเชื้อกี่คน หายป่วยกี่คน พยายามหามุมดีๆ มานำเสนอ ส่วนที่มีการเสนอให้ล็อกดาวน์นั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะเราจำเป็นต้องดูแลคนทำงาน ลูกจ้าง ตอนนี้ต้องดูว่าหลังผ่อนคลายมาตรการเปิดให้รับประทานอาหารในร้านได้ 25% ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้แล้วเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากร้านอาหาร ก็อาจมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเข้ามาอีก เช่น ขยายปริมาณนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ถ้าพบว่ามีผู้ติดเชื้อจากร้านอาหารก็ต้องทบทวนอีกครั้งว่าอาจต้องปิดเป็นเวลา 14 วันหรือไม่ ขณะที่เรื่องการแพร่ระบาดในเรือนจำนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า น่าจะจัดการไม่ยาก ควบคุมได้อยู่แล้ว เพราะเรือนจำมีพื้นที่ชัดเจน แต่ขอให้กระทรวง ยุติธรรมกับสธ. ประสานงานแก้ปัญหากันอย่าง ใกล้ชิด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังให้มีการยกเลิกทัวร์ริสต์บับเบิล หรือการท่องเที่ยวแบบจับคู่ที่รัฐบาลจะทำก่อนหน้านี้ออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

โต้ศบค.-สธ.ขัดแย้งกัน

นายอนุทิน รองนายกฯ และรมว.สธ. กล่าวว่า ช่วงมิ.ย.จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทยอยส่งมอบตามกำหนด ส่วนการวอล์กอินฉีดวัคซีน คนที่จองคิวไว้ต้องมีสิทธิ์ก่อน ถ้าไม่มาก็จะนำมาฉีดให้ผู้ที่วอล์กอิน อย่างร้านอาหารที่ให้จองล่วงหน้าและการเดินไปหน้าร้านโดยไม่ได้จองล่วงหน้า หรือวอล์กอิน ถ้าวันนั้นคิวจองมาเต็มแน่นร้าน ไม่มีโต๊ะว่าง จะไปว่าร้านเขาไม่ได้ เพราะเราไม่ได้จอง วัคซีนก็เช่นกัน เมื่อถามว่า สธ.เคยระบุว่าจะแบ่งสัดส่วนกับการฉีดระหว่างจองคิวกับวอล์กอิน ศบค.กับ สธ.มีความคิดเห็นไม่ตรงกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า การทำงานร่วมกันต้องรับฟังกัน และเรื่องวัคซีนปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ต้องดูเชิงหลักการ แต่พอถึงหน้างานก็ต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ไม่อยากให้คิดไปเป็นประเด็นอื่น เพราะทุกคนก็ช่วยกันทำงาน ทั้งนี้ สธ.รับแนวทางปฏิบัติมาจากศบค. แต่หากมีอะไรที่เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีอีกทางก็เสนอไปได้เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ

ฉีดพระ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการถวายวัคซีนโควิดแก่พระสงฆ์ โดยวันแรกมีพระสงฆ์จากกทม.และทั่วประเทศเข้ารับการฉีดวัคซีน 352 รูป ที่ร.พ.สงฆ์ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.

ฉีดพระวันละ 300-500 รูป

ต่อมา ที่ร.พ.สงฆ์ นายอนุทิน พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ตรวจเยี่ยมการถวายวัคซีนโควิด-19 แด่พระสงฆ์ นายอนุทินกล่าวว่า การฉีดวัคซีนพระสงฆ์ เริ่มในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และ 7 กลุ่มโรค ที่มีประมาณ 13,000 รูป ในกทม. จากทั้งหมด 17,636 รูปใน 457 วัด ซึ่งจะทยอยฉีดวัคซีนให้จนครบ โดยเริ่มวันนี้เป็นวันแรก มีพระสงฆ์ที่สมัครใจเข้ารับการถวายฉีด 352 รูป และจะเปิดบริการถวายวัคซีน เป้าหมาย 300-500 รูป ต่อวัน

พศ.เร่งช่วยพระทั่วประเทศ

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ติดตามและอำนวยความสะดวกแก่พระสงฆ์ที่เข้ารับถวายการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา-19 ที่ร.พ.สงฆ์จัดทำขึ้น โดยสธ.มีพระสงฆ์เข้ารับถวายการฉีดวัคซีนในวันแรก 350 รูป โดยถวายการฉีดวัคซีนแด่พระสงฆ์อายุ 60 ปีขึ้นไป พระสงฆ์อายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรครวม 7 โรค และพระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระบาดสีแดงเข้ม นอกจากนี้ ได้สั่งการให้พศ.สำรวจจำนวนพระสงฆ์ที่ได้รับ ผลกระทบจากโรคโควิด-19 พบว่าติดเชื้อและมีอาการอาพาธ 14 ราย และพระสงฆ์และสามเณรที่มรณภาพมี 3 ราย ซึ่งได้กำชับให้พศ.ประสานไปยังวัดทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมหาแนวทางให้ความช่วยเหลือโดยด่วน

ครม.อนุมัติกู้อีก 7 แสนล.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เผยว่า ครม.ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ออกพ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติมอีก 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และออกจ่ายเยียวยาประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการเพิ่มเติม เนื่องจากการระบาดโควิดรอบใหม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้การกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งจะมีการกันไว้ใช้ได้สาธารณสุขเพิ่มเติมด้วย สำหรับเหตุผล เนื่องจากพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเดิม มีการใช้เต็มวงเงินหมดแล้ว ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง ยังไม่ยอมให้ความเห็น การออกพ.ร.ก.ดังกล่าว เนื่องจากการประชุม เป็นวาระลับ โดยนางแพตริเซีย มงคลวนิช ผอ. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ปฏิเสธให้ข้อมูล โดยระบุเพียง ยังพูดไม่ได้

มิ.ย.-ส.ค.ลดเงินสมทบสปส.

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เพื่อปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือน โดยนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะปรับจากร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 2.5 ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบลดลงจากเดิมเดือนละ 432 บาท เป็นเดือนละ 216 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค.2564 สำหรับฝ่ายรัฐบาลยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ 2.75 ของค่าจ้าง ผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน รวมทั้ง ช่วยรักษาระดับการจ้างงานของนายจ้างด้วย นายอนุชากล่าวว่า การลดอัตราเงินสมทบเป็นเวลา 3 เดือน จะทำให้กองทุนจัดเก็บเงินสมทบได้ลดลง 20,163 ล้านบาท แต่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์จากการลดภาระค่าใช้จ่าย ในส่วนของนายจ้าง 485,113 ราย จะลดค่าใช้จ่ายลงได้ 9,487 ล้านบาท และผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11.1 ล้านคน จะลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ 9,487 ล้านบาท ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.8 ล้านคน จะลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ 1,189 ล้านบาท และเมื่อรวมผู้ประกันตนทั้ง 12.9 ล้านคนแล้ว จะลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 10,676 ล้านบาท รวมเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้น 20,163 ล้านบาท น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.เห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน โควิด-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล การนำเข้าและบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2564 ถึง 31 มี.ค.2565 หลังจากมาตรการเดิมสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2564 แม้การขยายเวลาดังกล่าวคาดว่าจะทำให้สูญเสียรายได้จากภาษี 15 ล้านบาท แต่จะมีประโยชน์คุ้มค่าในการช่วยสนับสนุนการรักษา การวินิจฉัย และการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ

บริการฉีด – พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอกร.พ. เปิดบริการฉีดให้แก่บุคลากรที่มีความเสี่ยง บริเวณชั้น 2 บิ๊กซี บางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.

เล็ง‘เว็บเบส’จองวัคซีน

ที่ชั้น 2 บิ๊กซี บางบอน กรุงเทพฯ พล.ต. อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร – หอการค้าไทย” ว่า วันนี้ได้รับความร่วมมือกับร.พ.เครือบางปะกอก โดยตั้งเป้าหมายให้บริการฉีด จำนวน 2,500 – 3,000 คนต่อวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

ตั้งเป้า 2 เดือน 5 ล้านโดส

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ค. จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากสธ. เดือนละ 2.5 ล้านโดส รวม 2 เดือน 5 ล้านโดส โดยนายกฯ มอบหมายให้เร่งดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนดังกล่าว กทม.มีแผนบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 2.5 ล้านคนต่อเดือน โดยกระจายการฉีดทั้งภายใน ร.พ. 126 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพในการฉีดไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน และ 25 แห่งที่บริการฉีดนอกร.พ. มีศักยภาพฉีดวันละ 38,000-50,000 คน คาดการณ์ว่าจะฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 60,000 คนต่อวัน โดยฉีดให้แก่ประชาชนทั่วไป คาดว่าน่าจะครบ 5 ล้านคน ตาม เป้าหมายที่นายกฯ กำหนด “ช่วงนี้ กทม.ขอความร่วมมือประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านระบบแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและความปลอดภัย โดยหากเปิดให้วอล์กอินฉีด อาจเกิดปัญหาความแออัดของประชาชนที่ต้องมารอคิว และมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกทม. กล่าวว่า ได้หารือแนวทางที่จะให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทุกคนลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดได้อย่างทั่วถึงและแบ่งเบาภาระของแอพฯ หมอพร้อม อาจเป็นในรูปแบบของ “เว็บ เบส” ซึ่งจะใช้จองคิวฉีดวัคซีนโดยเฉพาะ ซึ่งระบบดังกล่าวจะไม่ซ้ำซ้อนกับหมอพร้อม เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่ลงทะเบียนกับหมอพร้อมจะเป็น ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และนัดเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ร.พ. ส่วนระบบ เว็บ เบส จะใช้ลงทะเบียนผู้ที่อายุระหว่าง 18-59 ปี และนัดรับการฉีดวัคซีน ที่จุดบริการนอกร.พ. 25 จุด โดยจะประสานหอการค้าไทย และร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น เข้าร่วมระบบดังกล่าว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน

ดารา-นักร้องแห่ฉีดคึกคัก

ด้านเหล่าศิลปินดารานักร้อง ได้แก่ ลุลา กันยารัตน์, แพรว คณิตกุล, นิว นภัสสร, เป๊ก เปรมณัช, มิ้วส์ อรภัสญาน์, ข้าวทิพย์ ธิดาดิน และ เต๋า ภูศิลป์ พร้อมใจช่วยชาติสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยต่างขอร่วมส่งกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเชิญชวน คนไทยฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติกัน การฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยและไม่ได้น่ากลัว

จว.แดงเข้มห้ามตักบุฟเฟต์เอง

ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย สธ. กล่าวถึงกรณี ศบค.ผ่อนคลายให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ให้นั่งกินในร้านอาหารได้จำกัดไม่เกิน 25% ถึง 21.00 น. และซื้อกลับบ้านได้ถึง 23.00 น. มีการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ว่า ขอให้ทุกร้านคุมเข้มการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ใช้เวลานั่งกินภายในร้านไม่เกิน 2 ชั่วโมง จัดแยกอุปกรณ์ เช่น จาน ชาม ช้อน เครื่อง ปรุงรส เป็นเฉพาะบุคคล สำหรับร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์งดให้ลูกค้าเดินตักอาหารเอง แต่ให้มีพนักงานบริการแทน

เอาผิดเฟกนิวส์รพ.บุษราคัม

ขณะที่ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดสธ. พร้อมด้วย นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผอ.ร.พ.บุษราคัม แถลงข่าวกรณีมีการตัดต่อภาพ ร.พ.สนามบางแห่ง อ้างเป็นร.พ.บุษราคัม แล้วนำมาเปรียบเทียบกับร.พ.สนามที่จัดสร้างโดยเอกชน และวิพากษ์วิจารณ์ว่า ร.พ.สนาม ของภาครัฐใช้งบประมาณสูงถึง 239 ล้านบาท นพ.ธงชัยกล่าวว่า เป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือน ทั้งในเนื้อหาสาระและรูปภาพ โดยข้อเท็จจริงของ ร.พ.บุษราคัม ต้องการสร้างเป็นร.พ. ไม่ใช่เป็นแค่ ร.พ.สนาม ที่เอาไว้ดูอาการของผู้ป่วย แต่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ในซึ่งงบประมาณที่ใช้ 13 ล้านบาทเศษ

ยันใช้งบแค่ 13 ล.

นพ.ธงชัยกล่าวว่า ร.พ.บุษราคัมใช้งบประมาณ 13 ล้านเศษ ไม่ได้เป็นไปตามที่มีข่าวปลอมออกมา และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สธ.ก็เสียหาย ขณะนี้กำลังให้กองกฎหมาย สำนักงานปลัดสธ. ตรวจสอบว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร นพ.ธงชัยกล่าวต่อว่า เบื้องต้นเจ้าของสถานที่สนับสนุน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 2 เดือน และเราก็ไม่อยากใช้ไปมากกว่านี้ จึงต้องเร่งความพยายามควบคุมสถานการณ์ของโรค ไม่อยากเห็นจำนวนเตียงที่เพิ่มมากขึ้น แต่วันนี้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อรองรับความเสี่ยง และเรายืนยันว่า สถานการณ์จะต้องดีขึ้น ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้น สธ. ตั้งเป้าใช้ ร.พ.บุษราคัม เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนในอนาคต

เลื่อนเปิดเทอม14มิ.ย.

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ได้รับทราบให้สถานศึกษาในสังกัดศธ. เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 1 มิ.ย. เป็นวันที่ 14 มิ.ย. ตามที่ ศธ.เสนอ เพื่อความปลอดภัยและระวังป้องกันนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ไม่ต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด-19 และเพื่อให้มีระยะเวลารับการฉีดวัคซีนและรองรับการย้ายสถานศึกษาของนักเรียน

จว.แดงเข้มเรียนออนไลน์

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า หากมีโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดในพื้นที่ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง และพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะเปิดภาคเรียน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ให้ทำการประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของสธ. ที่มี 44 ข้อโดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และ ศบค.จังหวัดด้วย เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นจัดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิ.ย. ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน จัดการเรียนได้ในรูปแบบออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น

ระยองเพิ่มให้ 1 แสนฉีดตาย

ด้านนายปิยะ ปิตุเตชะ นายกอบจ.ระยอง แถลงว่า ได้เสนอจ่ายเงินส่วนตัว หากฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิตหรือพิการถาวร ประชาชนที่อาศัยอยู่ในจ.ระยอง แต่ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ จ่าย 400,000 บาท ส่วนที่มีทะเบียนบ้าน อยู่จ.ระยอง จ่ายเพิ่มหนึ่งแสนบาท เป็น 500,000 บาท และฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการพิการหรือสูญเสียอวัยวะทางร่างกาย จ่าย 240,000 บาท ให้กับ ผู้ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ จ.ระยอง จ่าย 340,000 บาท หากบาดเจ็บจากการฉีดวัคซีน ผู้ที่อาศัยอยู่ในจ.ระยอง จ่าย 100,000 บาท ส่วนผู้ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 200,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน