ณัฐวุฒิชี้เบาะแส-ชื่อย่อ
กระสุนจริงยิงม็อบ16สค.
แพทย์เผยอาการเด็ก15
ยังวิกฤต-สมองก็บวม!

‘ณัฐวุฒิ’ เปิดตัวอักษรย่อตำรวจ-สายลับ เบาะแสเหตุ กระสุนจริงที่ยิงเยาวชน โคม่าแพลมชื่อตำรวจสน.ดินแดง-พร้อมสายตำรวจอีก 4 ชื่อย่อ เผยค.ควายเป็นคนลั่นกระสุน แนะสอบให้ชัดและอย่าเปลี่ยนหัวกระสุน ร.พ.ราชวิถีแถลงอาการเพิ่มเติม ระบุผู้ป่วยยังอยู่ในสภาวะวิกฤต ด้าน‘ไฮโซลูกนัท’เปิดใจกับคลับเฮาส์ เผยตาข้างที่ถูกกระป๋องแก๊สน้ำตอนนี้มืดสนิท ยังมองไม่เห็นภาพใดๆ องค์การ-สโมสรนักศึกษา 19 สถาบันยื่นสภา จี้สอบเหตุการณ์สลายชุมนุม

ลูกนัท’เผยตามองเห็นข้างเดียว

วันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท สลิ่มกลับใจ ร่วมพูดคุยในคลับเฮาส์ “เมื่อไรจะเห็นแสงสว่าง” โดยได้เปิดเผยถึงอาการบาดเจ็บสาหัส จากการถูกกระสุนแก๊สน้ำตาเข้าบริเวณคิ้วขวา ระหว่างการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุฟ้า บริเวณแยกดินแดง เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ว่า ตอนนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท ซึ่งวันที่เกิดเหตุ ทราบว่าพ่อแม่ใช้อภิสิทธิ์ โคตรอภิสิทธิ์ตามหาแพทย์ที่เก่งมารักษา ไม่อย่างนั้นอาการคงไม่ดีขึ้นขนาดนี้

ไฮโซลูกนัทกล่าวด้วยว่า อาการตอนนี้ยังมองเห็นแค่ข้างเดียว โดยใน 1-2 วันนี้ ทางโรงพยาบาลและครอบครัวจะออกมาแถลงข่าวถึงอาการของตนอีกครั้ง ซึ่งตาข้างขวาจะหายหรือไม่หายนั้น ตนยังตอบไม่ได้ ต้องรอฟังแพทย์แถลง

เยาวชนที่ถูกยิงโคม่ายังวิกฤต

ด้านโรงพยาบาลราชวิถี รายงานความคืบหน้า อาการผู้บาดเจ็บจากเหตุชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันที่ 16 ส.ค. (ฉบับที่ 2) ผู้บาดเจ็บชายอายุ 15 ปี ที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการบาดเจ็บจากกระสุน มีบาดแผลที่บริเวณต้นคอหลังกกหูด้านซ้าย ร่วมกับมีภาวะหัวใจหยุดเต้น และผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองพบกระสุนฝังที่บริเวณไขสันหลังส่วนบนที่เชื่อมต่อกับก้านสมองตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

อาการเมื่อเวลา 09.30 น.วันเดียวนี้ ผู้บาดเจ็บยังคงไม่รู้สึกตัว ใช้เครื่องช่วยหายใจ และมีอาการสมองบวมจากภาวะขาดออกซิเจน หลังหัวใจหยุดเต้นชั่วคราว แพทย์ผู้ดูแลให้ความเห็นว่า ผู้บาดเจ็บยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต ต้องได้รับการดูแลสังเกตอาการต่อเนื่อง และให้การรักษาภาวะแทรกซ้อนจากภาวะสมองบวมดังกล่าว

ทั้งนี้ โรงพยาบาลราชวิถีจะมีการแถลงอาการคืบหน้าเป็นระยะต่อไป

รุ้งยื่นร้องยธ.จี้ดูแลแกนราษฎร

วันเดียวกัน ที่กระทรวงยุติธรรม กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง พร้อมด้วยหน่วยปฐมพยาบาลภาคสนาม เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกต่อกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับหนังสือ

กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มีข้อเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรองผู้ต้องหาก่อนเข้าเรือนจำ และทัณฑสถานทุกกรณี พร้อมทั้งออกเอกสารรับรองโควิดให้กับผู้ต้องขังแรกเข้า เพื่อให้ญาติสามารถเผยแพร่ได้ และหากตรวจพบเชื้อให้รีบนำตัวออกไปรักษาที่อื่นทันที, ให้คัดแยกกลุ่มเสี่ยงเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ, มาตรการป้องกันโควิดในเรือนจำและทัณฑสถานต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับหลักสากล ตามองค์กรอนามัยโลก, เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งต้องมีการสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันให้เพียงพอต่อความต้องการ, จัดหาวัคซีนให้เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังอย่างทั่วถึง, เรือนจำต้องเปิดเผยข้อมูลสุขภาพให้ทนาย ญาติผู้ต้องขังได้รับทราบห้ามปิดบัง, กรณีติดเชื้อโควิดต้องให้ญาตินำตัวออกไปรักษาในสถานพยาบาลอื่นได้, ราชทัณฑ์ต้องตรวจหาเชื้อโควิดทุก 3 วัน เพื่อป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่, ศาลจะต้องทำตามมาตรการลดความแออัดในเรือนจำ

ส่วนการดำเนินคดีเกี่ยวกับกลุ่มผู้ชุมนุมล่าสุดจำนวน 82 คดี 444 คนต้องถูกดำเนินคดี โดยจับกุมดำเนินคดีแล้ว 187 คน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมก.ค.ถึงปัจจุบัน 331 คดี สอบสวนแล้ว 200 คดี ระหว่างการสอบสวน 131 คดี ส่วนการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 ใช้ถ้อยคำคำพูด ภาพเหตุการณ์เก่า พูดทำนองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงใช้การกระทำรุนแรงกับผู้ชุมนุม ขอให้หยุดโพสต์ หยุดแชร์คลิปดังกล่าว

เต้นเผยมีเบาะแสเหตุยิงเด็กวัย15

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ต.ห. โพสต์ข้อความถึงเหตุที่เยาวชนอายุ 15 ปี ถูกยิงบริเวณหน้า สน.ดินแดง หลังการชุมนุมเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า

“ผมเป็นพ่อคน เห็นภาพแม่เด็กอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงอาการโคม่าแถวสามเหลี่ยมดินแดงนั่งร้องไห้พูดถึงลูกชายแล้วจุก ไม่ว่าลูกใครก็ไม่ควรเจอแบบนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งคลี่คลายคดีอย่างตรงไปตรงมา เอาตัวคนผิดมารับโทษตามกฎหมาย และถอดบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีกในการเผชิญหน้ากับเยาวชน จนบัดนี้คดียังไม่คืบหน้า ผมมีเบาะแสบางประการ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลองตรวจสอบตามนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เสียหายถ้าท่านจริงใจกับประชาชน สน.ดินแดง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุปิดไฟมืดทุกวันที่มีการปะทะ ไม่ทราบเพราะเหตุใด กล้องวงจรปิดของ สน.มี 4 ตัว ดำเนินการติดตั้งโดย พ.ต.ท. ป.ปลา กล้องทุกตัวใช้การได้

คืนเกิดเหตุ ร.ต.ท. ร.เรือ ถือปืนยาว ด.ต. จ.จาน กับ ด.ต. อ.อ่าง ใช้ปืนสั้น ในซอย โรงกรองน้ำมีคนออกจาก สน.มา 6 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 2 นาย สาย 4 คน เสียงปืนหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสายรูปร่างท้วม ชื่อ ค.ควาย เป็นคนยิง สำคัญที่สุดตอนนี้คือหัวกระสุน อย่าให้มีการเปลี่ยนโดยเด็ดขาด

ลองดูตามนี้ ทำความจริงให้ปรากฏ สงสารเด็ก สงสารพ่อแม่ สงสารประชาชน

19องค์การ-สโมสรน.ศ.ร้องสภา

ที่รัฐสภา ตัวแทนองค์การและสโมสรนิสิตนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัย ยื่นหนังสือกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของ เจ้าหน้าที่รัฐในการสลายการชุมนุม

นายวรินทร์กุญช์ เขียวพันธ์ โฆษกองค์การ กล่าวว่าองค์การนักศึกษาฯ มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ดังนี้ 1.ให้มีการแสดงออกอย่างจริงจังและชัดแจ้งในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้อง คุ้มครอง และให้ความปลอดภัย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของนิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม รวมถึงต้องไม่นิ่งเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 2.ให้ใช้อำนาจนิติบัญญัติในการตรวจสอบการใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการปฏิบัติต่อประชาชนผู้แสดงออกทางการเมืองและผู้เห็นต่างทางการเมืองว่าเข้าข่ายใช้กำลังและความรุนแรงเกินกว่าเหตุ รวมถึงเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ 3.ให้สืบสวนและสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายกระทำความรุนแรงเกินกว่าเหตุ หากไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักสากล ต้องดำเนินการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักการสากล 4.ให้รับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นกับนิสิต นักศึกษาและประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นผลมาจากการกระทำที่มิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และ 5.ให้มีการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องของการปฏิบัติต่อนิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม โดยให้ตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมาย ซึ่งอยากให้สภาผู้แทนราษฎรขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ไล่ต่อเนื่อง – กลุ่มทะลุฟ้าจัดกิจกรรมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยคลุมผ้า ดำพานรัฐธรรมนูญ สะท้อนความมืดมนประชาธิปไตยไทย เผาหุ่นฟางครม.และ 250 ส.ว. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 ส.ค.

ทะลุฟ้าห่มผ้าดำพานรัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 14.50 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเริ่มกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า วันนี้มี #ม็อบ19 สิงหา ไล่ล่าทรราช ขับไล่รัฐบาลและนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลาออกจากตำแหน่ง ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนถึงเวลานัดหมายของกลุ่มทะลุฟ้าที่มีการนัดทำกิจกรรมชุมนุมแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในเวลา 16.00 น โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงเริ่มทยอยมาร่วมตัวกันที่ด้านหน้าแมคโดนัลด์ มีการเล่นดนตรีสดโดยนายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ศิลปินนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยประชาชนและคนเสื้อแดง ทำกิจกรรมเล่นดนตรี ระหว่างรอการทำกิจกรรมหลัก

เวลา 15.20 น. นายนวพล ต้นงาม แกนนำจัดกิจกรรม เดินทางมาถึงเข้าพูดคุยกับทางกลุ่มมวลชน โดยมีมวลชนกลุ่มทะลุฟ้าเริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่ สำหรับกิจกรรมวันนี้ประกอบไปด้วยการปราศรัย เพื่อสื่อสารถึงเหตุผลของการออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ นำผ้าดำคลุมพานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมโปรยกระดาษเพื่อสื่อถึงความมืดมนของประชาธิปไตยในประเทศ โดยมีกำหนดกิจกรรมยุติในเวลา 19.30 น.

เวลา 15.50 น. กลุ่มทะลุฟ้าบางส่วนเริ่มทำกิจกรรมโดยการขึ้นไปนำผ้าสีดำคลุมที่พ่นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ให้ม็อบร่วมเขียนรัฐธรรมนูญ

ต่อมา เวลา 16.30 น. กลุ่มมวลชนบางส่วนเริ่มทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ บนถนนราชดำเนิน ด้านหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงความล้มเหลว การบริหารจัดการของรัฐบาล จนทำให้ประชาชนล้มตาย โดยนำป้ายไวนิลสีขาว ข้อความ “รัฐธรรมนูญแห่งรัฐไทย” เพื่อให้มวลชนเขียนข้อความว่าอยากได้รัฐธรรมนูญของไทยอย่างไร รวมถึงการเขียนความในใจใจถึงรัฐบาลถึงรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพื้นที่ชุมนุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายเต็มพื้นที่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าพูดคุยกับทางแกนนำถึงกิจกรรมโดยแจ้งว่า ห้ามไม่ให้มวลชนหรือทางกลุ่มทำกิจกรรม โดยการเผา หรือสาดสี บนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเด็ดขาด หากมีการกระทำดังกล่าวที่จำเป็นที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ และต้องให้เลิกการชุมนุมทันที

เวลา 17.00 น. มีกลุ่มจักรยานยนต์จำนวน 20 คัน ได้ขับมาวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมบีบแตร พร้อมชูสัญลักษณ์ สามนิ้ว วนอยู่ 3 รอบ ก่อนที่จะขับมุ่งหน้าไปทางแยกนางเลิ้ง คาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปบริเวณแยกดินแดง

เวลา 17.10 น.กลุ่มมวลชนได้นำฟางมาเรียงเป็นตัวอักษร “ประยุทธ์ออกไป” แล้วนำรูปคณะรัฐมนตรี และรูปของ 250 ส.ว. มาเสียบไว้บนฟาง

ร่วมเผาหุ่นฟางครม.-250ส.ว.อีก

ต่อมาในเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมต่างพากันยืนชู 3 นิ้ว หันหน้าเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเคารพธงชาติ ก่อนพากันเปล่งเสียง เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ รวม 3 ครั้ง จากนั้นยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแด่การบริหารงานของรัฐบาล

เมื่อเวลา 19.00 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้เผาหุ่นฟาง ซึ่งเผาหุ่นฟางที่มีรูปภาพคณะรัฐมนตรี และส.ว. ทั้ง 250 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจาแต่ไม่เป็นผล ก่อนที่ตำรวจจะเข้าควบคุม โดยนำแผงเหล็กไปชิดขอบวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มแกนนำก็ได้ประกาศยุติการชุมนุม และมีมวลชนบางคนด่าทอการทำงานของเจ้าหน้าที่ และมีกลุ่มรถจักรยานยนต์ประมาณ 10 คัน บีบแตรส่งเสียงดังเป็นสัญลักษณ์ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

แยกดินแดงระอุอีก-เผากรวย

เวลา 17.00 น. ที่สามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งได้จุดไฟเผากรวยยางจราจร และเศษกิ่งไม้ จนเกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ขณะที่บรรยากาศโดยรวมพบว่าเริ่มมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ทยอยเข้ามาสมทบในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

ต่อมาผู้ชุมนุมรื้อแนวรั้วที่กั้นถนนดินแดง ก่อนถึงสามเหลี่ยมดินแดงที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีฯ ออก เริ่มทยอยขี่จักรยานยนต์เข้าไปพื้นที่จุดเดิมที่ชุมนุม

เวลา 17.30 น. ทางเจ้าหน้าที่คฝ.ได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางมาเป็นระยะ จำนวนหลายลูก โดยยิงมาจากแฟลตดินแดง และบนทางด่วนดินแดง โดยมีแก๊สน้ำตาบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ยิงใส่ผู้ชุมนุมตกลงไปที่อุโมงค์ดินแดง โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็พยายามถอยร่นมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามตอบโต้ด้วยประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปอง

เวลา 18.50 น. ตำรวจ คฝ.ยิงแก๊สน้ำตาจากหลายทิศเข้ามายังกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันบนแยกสามเหลี่ยมดินแดงฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนกลุ่มวัยรุ่นแตกฮือกันไปคนละทิศเช่นเดียวกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำกำลังพร้อมรถกระบะ รถตู้ตำรวจจำนวนมาก เข้ากระชับพื้นที่มุ่งหน้าไปยังแยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีการยิงกระสุนยางตอบโต้วัยรุ่นที่ยังคงปาวัตถุต่างๆ เป็นระยะ

ต่อมาเจ้าหน้าที่คฝ.เข้าควบคุมพื้นที่ กลุ่มมวลชนกระจายตัวไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ และ แยกประชาสงเคราะห์ จากนั้นเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตร.คฝ.เข้าตรึงกำลังที่สามเหลี่ยมดินแดงได้สำเร็จ

แถลงลูกนัทตาข้างขวาบอด

ค่ำวันเดียกัน ครอบครัวธนากิจอำนวย ได้แถลงข้อมูลตามความเป็นจริงกรณีนายธนัตถ์ โดยมีรายละเอียดว่านายธนัตถ์ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉีกขาดเป็นรูปครึ่งวงกลมที่บริเวณคิ้วขวา ลักษณะเกิดจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็ง ไม่มีคม ลักษณะเป็นกระบอกกลม ซึ่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาได้ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่ามีแผลบวมช้ำที่เบ้าตาขวาและมีบาดแผลฉีกขาดที่คิ้วขวา กระจกตาขวาฉีกขาด ลูกตาขวาแตก จอประสาทตาขวาลอก จากนั้นจึงได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากคณะแพทย์ด้วยการผ่าตัดแล้ว ปัจจุบันอาการเบื้องต้นปลอดภัยและทรงตัว แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เพิ่มเติมต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน ซึ่งแพทย์มีความเห็นว่าภายหลังการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ดวงตาข้างขวาจะไม่สามารถมองเห็นได้อีก

ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่า นายธนัตถ์เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามที่รัฐธรรมนูญ โดยมีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสงบโดยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาแต่แรกเริ่ม โดยตลอดการร่วมชุมนุมได้แสดงออกและพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันและหลีกเลี่ยงพฤติการณ์ใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง หรือความเสี่ยงต่อความรุนแรง ความวุ่นวาย และความเสียหายแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานเป็นที่รับทราบโดยทั่วไป

ชี้ชัดเกิดจากการกระทำของคฝ.

อย่างไรก็ตาม ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เลือกใช้มาตรการในการสลายการชุมนุมหลายประการที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกายของผู้เข้าร่วมชุมนุม เช่น การยิงแก๊สน้ำตา หรือการยิงกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มประชาชนผู้ชุมนุม ทั้งที่การชุมนุมดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือสถานการณ์การใช้ความรุนแรงถึงระดับที่จะเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่มีความรุนแรงในการสลายการชุมนุมดังกล่าว ซึ่งในกรณีของนายธนัตถ์เกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาที่ไม่ใช่การยิงแบบวิถีโค้ง จนเกิดเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้นั่นเอง

ดังนั้น นายธนัตถ์และครอบครัวจึงเห็นว่าการใช้มาตรการสลายการชุมนุมดังกล่าว เป็นการใช้กําลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เกินจําเป็น ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม และไม่สอดคล้องกับแนวทางสากลในการจัดการและควบคุมฝูงชน ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมาก รวมถึงนายธนัตถ์ได้รับบาดเจ็บ อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมของประชาชน

ลั่นดำเนินคดีทั้งอาญา-แพ่ง-อื่นๆ

ด้วยเหตุนี้ นายธนัตถ์และครอบครัวจึงมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งในคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีอื่นใด กับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายธนัตถ์ เนื่องจากการใช้อำนาจหน้าที่ การปฏิบัติการ และการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจนถึงที่สุดในทุกวิถีทาง โดยมีเจตนาเพื่อที่จะให้เป็นบรรทัดฐานและแบบอย่างในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของนายธนัตถ์และครอบครัวตามกรอบของกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น นายธนัตถ์และครอบครัวมิได้มีเจตนาและมิได้มีความประสงค์ที่จะให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือฝ่ายการเมืองใดนำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง ไม่ว่าในลักษณะหรือแง่มุมใดก็ตาม ขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธนัตถ์ ถือเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงของครอบครัว ซึ่งหวังว่าการดำเนินการใดๆ ต่อจากนี้ จะช่วยไม่ให้เกิดความสูญเสียหรือความรุนแรงในลักษณะเดียวกันต่อบุคคล หรือประชาชน ที่ต้องการแสดงออกทางความคิดของตนโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือการทำให้เกิดความรุนแรงใดๆ

จี้คุกดูแล – ‘รุ้ง’ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำน.ศ. และหน่วยปฐมพยาบาล ภาคสนาม ยื่นหนังสือเรียกร้องกรมราชทัณฑ์เพิ่มมาตรการป้องกันโควิดในเรือนจำ หลังแกนนำน.ศ.ที่ถูกคุมขังติดเชื้อหลายราย ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 19 ส.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน