พศ.ฮึ่มสั่งเจ้าคณะสอบ-ฟัน
‘พระพยอม’ชี้ทำโลกติเตียน
กก.มหาเถรฯย้ำปาราชิกแล้ว
เผยกลับมาฉลองอายุครบ70

หนวดเคราเฟิ้ม-ผมเผ้ายาวเฟื้อยนุ่งห่มเขียว ‘อดีตพระยันตระ’ โผล่กลับมาไทยอีก รุดเยี่ยมญาติที่ปากพนัง จ.นครศรีฯ ฉลองอายุ 70 ปี ยืนยันยังเป็นพระอยู่เพียงเปลี่ยนรูปลักษณ์เท่านั้น อดีตศิษย์ทั้งพระ-ฆราวาสแห่กราบเป็นแถวแน่นสำนักที่สระแก้ว สำนักพุทธฯ เต้น รู้แล้วเป็นพระจากเมืองกาญจน์ ชี้ประพฤติตัวไม่เหมาะสม เตรียมประสาน เจ้าผู้ปกครองเรียกมาลงโทษ ด้านกรรมการมหาเถรฯ ย้ำอดีตยันตระต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระแล้ว ส่วนพระสงฆ์ที่เข้าไปกราบก็ต้องอาบัติทุกกฏ ด้าน ‘พระพยอม’ ชี้แค่โลกวัชชะชาวโลกติเตียน แนะให้แยกอดีตกับปัจจุบัน ในอดีตก็มีเหตุการณ์กับพระดังแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ ผู้อื้อฉาว ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค. ด้วยรถตู้พร้อมศิษย์จำนวนหนึ่ง โดยมีคนถ่ายคลิปขณะเดินทางไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และในคลิปมีชาวบ้านมารอรับกันหลายสิบคน พากันเอาผ้าขาว รวมทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าเงิน ให้อดีตพระยันตระเหยียบตลอดเส้นทาง

ระหว่างที่เดินอยู่นั้น ชาวบ้านบางคนพูดว่า ยังศรัทธาเหมือนเดิม จึงมาขอของดี ก่อนอดีตพระยันตระจะมอบดอกบัวให้ชาวบ้านที่มากราบ ไหว้จนหมด และก่อนจะขึ้นรถได้พูดกับชาวบ้านว่า “ถ้าไม่สบายอะไร ให้อธิษฐานเอาเอง” แล้วขึ้นรถตู้ออกไป

นายชัยณรงค์ สวัสดีนฤนาท อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปากพนัง ลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระ กล่าวว่า พระอาจารย์ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่ อ.ปากพนัง เมื่อวันที่ 16-18 ต.ค. และกลับวันที่ 19 ต.ค. ซึ่งได้ไปพักที่บ้านเกิดที่มีพี่สาวอาศัยอยู่ หลังจากไม่ได้บินมาจากสหรัฐเป็นเวลามา 2 ปี เพราะโรคโควิด-19 ระบาด และหลังจากพระอาจารย์ฉีดวัคซีน ครบ 3 เข็ม ก็ได้โทรศัพท์มาปรึกษาตนว่า ถ้าเดินทางมาปากพนังต้องกักตัวหรือไม่ ตนได้บอกไปว่าหากฉีดครบแล้วไม่ต้องกักตัว

“ตอนมาถึงที่ อ.ปากพนัง ก็มีชาวบ้านที่ยังศรัทธาในตัวอดีตพระยันตระมารอรับกันแต่มากันไม่มากนัก เพราะยังหวั่นเรื่องโรคโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ การเดินทางมาปากพนังในครั้งนี้ท่านได้บอกว่า จะกลับประเทศไทยช่วงวันเกิดทุกปีคือวันที่ 14 ต.ค. ตอนนี้ท่านอายุครบ 70 ปีแล้ว โดยได้ทำกิจกรรมที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนจะเดินทางมายังบ้านเกิด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และมีกำหนดกลับ ประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 27 ต.ค.นี้” นายชัยณรงค์กล่าว

ตามที่ปรากฏว่ามีภาพทั้งพระสงฆ์ แม่ชี และประชาชนลูกศิษย์ลูกหากราบไหว้อดีตพระยันตระ เหมือนเป็นพระ รวมทั้งยังมีคลิปที่ลูกศิษย์โพสต์ขณะอดีตพระยันตระเดินชมสวนที่อาศรม จ.สระแก้ว นั้น มีรายงานว่าอดีตพระยันตระยังปฏิบัติธรรมที่อาศรมดังกล่าว โดยมีพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสมาร่วมพิธีด้วย รวมทั้งมีชาวต่างชาติ ชาวบ้านนุ่งขาวห่มขาวมากราบไหว้ด้วย

อดีตพระยันตระ ยังเปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ในรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยยังใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าอาตมา ยืนยันว่ายังเป็นนักบวชอยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ส่วนที่กลับประเทศไทยเพราะเป็นแดนมาตุภูมิที่เกิดของอาตมา อาตมาเกิดที่ปากพนัง นครศรีธรรมราช ยังมีญาติพี่น้องอยู่มาก ตั้งใจมาเยี่ยม และศิษย์สาธุชนที่ยังมีความเลื่อมใสอยู่ ทุกคนดีใจที่อาตมากลับมา ก็มากราบมาไหว้ อาตมาก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากพูดให้ธรรมะ

เมื่อถามว่ามีคนตั้งคำถามว่าท่านอยู่ในประเทศไทยไม่ใช่พระแล้ว ทำไมยังให้พระสงฆ์ไปกราบไหว้ สำนักพุทธฯ กำลังตรวจสอบพระสงฆ์ที่ไปกราบไหว้ท่านจะมีความ ผิดได้

อดีตพระยันตระยังยืนยันว่า อาตมายังเป็นพระอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่อาตมาไม่ปลงผม ไม่ปลงหนวด ปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะอาตมาอยู่อเมริกา อยู่ป่าจะมาวัดเป็นครั้งคราว ในวันวิสาขบูชา หรือวันมาฆบูชา หรือวัน อาสาฬหบูชา

ถามว่าแต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ศรัทธาท่านแล้ว อดีตพระยันตระ กล่าวว่า อาตมาเข้า ใจโลก จะให้คนมาเข้าใจเราทั้งหมดไม่ได้ เป็นธรรมดา

ตอนนี้มีนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ออกมาบอกว่าพระสงฆ์ที่ไปกราบไหว้ท่านไม่เหมาะสม เรียกร้องให้คณะสงฆ์ที่ไปกราบไหว้ท่านได้พิจารณาตัวเอง ท่านมองยังไง อดีตพระยันตระ กล่าวว่า อาตมาไม่เคยเรียกร้องให้ใครมากราบไหว้ ไม่เคยบอกใครต้องมาเคารพกราบไหว้นอบน้อม

สำนักพุทธฯ ถือว่าในเมืองไทยท่านพ้นจากความเป็นพระแล้ว ในมุมของท่านยังคิดว่าเป็นนักบวชเป็นมุมของท่านเองหรือไม่ อดีตพระยันตระ กล่าวว่า เขาคิดไปเอง อาตมายังเหมือนเดิม แค่ไม่ปลงผมปลงหนวด อาตมาก็สบายๆ นุ่งกางเกงจีน

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อาศรมเกพลิตา โพธิวิหาร ต.หนองบอน อ.เมือง จ.สระแก้ว หลังทราบข่าวว่าอดีตพระยันตระมาพักที่อาศรมดังกล่าว พบว่า พุทธศาสนิกชนในจังหวัดสระแก้ว เข้ารับฟังการแสดงธรรมเทศนาเนื่องในวันออกพรรษากับอดีตพระอาจารย์ยันตระจำนวนมาก โดยพระอาจารย์ยันตระ ยอมรับว่า ไปอยู่ต่างประเทศนานหลายปีที่กลับมาในครั้งนี้รู้สึกคิดถึงบ้านเกิด และรู้สึกดีใจที่ญาติโยมลูกศิษย์ทั้งหลายยังไม่ทิ้งธรรมะ

บรรยากาศภายในสำนักสงฆ์เกพลิตาโพธิวิหาร หรือคนในพื้นที่รู้จักกันว่า วัดหลวงพ่อหยกขาว มีลูกศิษย์เดินทางไปฟังการแสดงธรรมจากอดีตพระยันตระ ภายในศาลาพุทธศรีอริยะเมตไตรย โดยพระอาจารย์ยันตระ แสดงธรรมให้กับลูกศิษย์ที่มีทั้งฆราวาส และพระภิกษุสงฆ์ ที่ร่วมฟังการแสดงธรรมมากกว่า 50 คน

อดีตพระอาจารย์ยันตระ พูดคุยกับทีมข่าวว่า รู้สึกคิดถึงแผ่นดินเกิด คิดถึงญาติโยม โดยเฉพาะลูกศิษย์เก่าๆ ที่แยกย้ายไปอยู่ตามวัด หรือ สำนักต่างๆ หลากหลายพื้นที่ ซึ่งหลังจากมีเรื่องมีราวตามหน้าสื่อต่างๆ อาตมาเองได้ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ปี 2535 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกเรื่องราวเป็นสิ่งที่สมมติขึ้นทั้งนั้น ส่วนการนำเสนอของสื่อมวลชน ที่ระบุว่า พระภิกษุสงฆ์ไหว้พระอาจารย์ยันตระนั้น เป็นเรื่องไม่สมควร พระอาจารย์ยันตระ ยอมรับว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ เพราะในโลกนี้จะให้ใครเข้าใจเราทั้งหมดก็ไม่ได้ ให้เราดีขนาดไหน คนที่ไม่เข้าใจ จะมองว่าเราไม่ดีอยู่นั่นเอง ก็เลยไม่ทุกข์กับเรื่องนี้ อยู่แบบสบายๆ ไปดีกว่า

อดีตพระยันตระ ยังบอกอีกว่า ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดไปทั่วโลกแบบนี้ อาตมารู้สึกสงสารทุกคน แต่ก็ยังดีใจที่ลูกศิษย์หรือญาติโยมทั้งหลายยังไม่ทิ้งธรรมะ และก็ไม่จำเป็นต้องมาก้มกราบไหว้อาตมา หลังจากนี้ อาตมาจะพำนักอยู่ที่จังหวัดสระแก้วอีก 2 คืน ก่อนจะเดินทางไปที่จังหวัดปทุมธานี และจะเดินทางกลับต่างประเทศในวันที่ 27 ต.ค. ไฟลต์บินตอน 7 โมงเช้า

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระแก้ว สอบถึงเรื่องราวที่ว่าพระอาจารย์ยันตระ ได้เดินทางมาที่สระแก้ว อีกทั้งยังมีพุทธศาสนิกชนเข้าเดินทางมา กราบไหว้ และมีพระสงฆ์เข้ากราบไหว้เช่นกันนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สระแก้ว กล่าวว่า ในตอนนี้ ก็กำลังตรวจสอบอยู่ว่าอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งไหนในสระแก้ว ซึ่งก็เห็นจากข่าวเช่นกัน ถ้าท่านบรรยายธรรมก็ไม่ผิดอะไร ส่วนที่มีพระสงฆ์กราบไหว้ ด้วยนั้น ก็ผิดวิสัย แต่ตอนนี้ก็ให้จนท.ตรวจสอบอยู่เช่นกัน

ด้านพระธรรมกิตติเมธี (เกษม สัญญโต) กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีคลิปวิดีโอในโลกออนไลน์ ที่ปรากฏภาพพระสงฆ์กราบไหว้อดีตพระยันตระ หรือ นายวินัย อดีตพระภิกษุชื่อดัง ที่เดินทางกลับมายังประเทศไทย ว่า เชื่อว่าพระสงฆ์ที่ปรากฏในภาพบนคลิป จะเป็นอดีตลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระที่ยังคงให้ความเคารพนับถือ ซึ่งหากเป็นบุคคลทั่วไปที่เป็นฆราวาส เรื่อง ดังกล่าวคงไม่มีใครติดใจ แต่เมื่อเป็นพระสงฆ์จึงถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ที่ไปกราบไหว้บุคคลที่ไม่ใช่พระสงฆ์ที่มีพรรษา สูงกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แม้นายวินัย จะกล่าวอ้างยืนยันว่ายังเป็นพระ เพียงแต่ไม่ปลงผม-หนวด แต่คณะสงฆ์ไทยถือว่าปาราชิก ไม่สามารถดำรงตนในฐานะพระภิกษุได้อีก ต่อไป ต้องขาดจากความเป็นพระไปแล้ว

พระธรรมกิตติเมธีกล่าวต่อการกระทำของพระสงฆ์ที่ปรากฏตามภาพในโลกออนไลน์จึงถือเป็นความผิด อาบัติทุกกฏ คือ อาบัติที่เกิดจากการทำที่ไม่ดีไม่เหมาะสม คำว่า ทุกกฏ แปลว่า ทำไม่ดี กรรมใดผิดพลั้งและพลาด กรรมนั้นชื่อว่าทำไม่ดี คนทำชั่วอันใดในที่แจ้งหรือในที่ลับ บัณฑิตทั้งหลายย่อมติเตียนว่าเป็นคนทำชั่ว ทำไม่ดี ทำผิด เพราะเหตุนั้น กรรมนั้นจึงเรียกว่าทุกกฏ เป็นอาบัติเบา ส่วนมากเกี่ยวกับมารยาทต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น การฉันภัตตาหารที่ยังไม่ได้รับประเคน, การนุ่งห่มจีวรปล่อยชายไม่เรียบร้อย เป็นต้น ซึ่งโทษดังกล่าวไม่ได้ร้ายแรง เพียงแต่ให้พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ของพระสงฆ์ที่ต้องอาบัติทุกกฏ ว่ากล่าวตักเตือน มิให้กระทำความผิดนั้นอีก

ด้านนายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษกสำนักพุทธฯ กล่าวว่า จากตรวจสอบสถานที่อดีตพระยันตระ เปิดให้พระสงฆ์ ลูกศิษย์ เข้าพบที่ จ.สระแก้วนั้น คือ อาศรม เกพลิตาโพธิวิหาร ต.หนองบอน อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นที่ตั้งในนามของมูลนิธิ อยู่ในการดูแลของกรมการปกครอง ทั้งยังถือเป็นที่ส่วนบุคคล สำนักพุทธฯ จึงไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ ส่วนพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่ไปกราบไหว้อดีตพระยันตระนั้น ถือว่าไม่เหมาะสม แต่จากการตรวจสอบพระสงฆ์ที่ปรากฏในภาพกำลังกราบอดีตพระยันตระนั้น ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจจะเป็นพระสงฆ์จากสำนักสงฆ์ใน จ.กาญจนบุรี จึงแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี (พศจ.กาญจนบุรี) ตรวจสอบอีกครั้ง หากพบว่าเป็นพระสงฆ์ใน จ.กาญจนบุรี จริง จะมีการประสานเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ พิจารณาลงโทษต่อไป

ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงประเด็นข่าวที่มีพระสงฆ์เดินทางไปกราบไหว้ร่วมพิธีฉลองอายุครบ 70 ปี ของนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ ที่เกพลิตาโพธิวิหาร จ.สระแก้ว ว่าในกรณีดังกล่าวพระสงฆ์ที่ไปกราบไหว้นั้นยังไม่ผิดถึงขั้นปาราชิกหรือขาดจากความเป็นพระ แต่ทำให้ธรรมเนียม จารีต ประเพณีของพระเสียไป เพราะสภาพในปัจจุบันเขาก็ไม่ใช่พระ ไม่ได้ใส่เครื่องแบบพระ พรรษาก็ไม่ได้จำ แม้พระสงฆ์ที่ไปก้มกราบไหว้จะอ้างว่าเขาเป็ครูบาอาจารย์มาก่อน นั้นก็เป็นเรื่องอดีต แต่เราต้องอยู่กับปัจจุบัน การที่เขาไม่ยอมพิสูจน์ความจริงด้วยการตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้ศาลตัดสินหมดสภาพความเป็นพระไปแล้วนั้น ก็เหมือนกับทองแท้นั้นแหละที่ไม่กลัวการพิสูจน์ แต่ถ้ากลัวการพิสูจน์จะเป็นทองแท้ได้อย่างไร

พระพยอมกล่าวอีกว่า การที่ยังมีคนไปกราบไหว้อยู่โดยเฉพาะคนที่เป็นพระสงฆ์นั้น ต้องรู้จักแยกแยะให้ดี ไม่อย่างนั้นจะทำให้ธรรมเนียมประเพณีของพระสงฆ์เสื่อมเสียได้ เพราะอีกหน่อยหากมีพระแนวนี้มาแล้วทำผิด ก็จะไปหลงตัวเองว่าแม้แต่ขณะสึกหรือไม่ได้เป็นพระแล้ว ก็ยังมีคนมากราบไหว้ไม่เว้นแต่พระสงฆ์ แต่อย่างไรก็ตามกรณีแบบนี้ก็เกิดขึ้นมาในสังคมไทยแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่อดีต พระนิกร ภาวนาพุทโธ หรือพุทธะอิสระ ที่แม้จะพ้นจากความเป็นพระแล้ว ก็ยังมีผู้คนไปแห่กราบไหว้ บางรายถึงกับกราบไหว้กันในคุก ก็มี ดังนั้นพระสงฆ์จึงควรแยกแยะอดีตกับปัจจุบันให้ดี การไปต้อนรับหรืออวยพรวันเกิดไม่มีปัญหาอะไร แต่การก้มหัวลงไปกราบนี่แหละที่เป็นปัญหาโดยเฉพาะผู้ที่บวชเป็นพระ เพราะจะถูกผู้รู้ติเตียนได้ ดังคำที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ควรบูชาผู้ที่ควรบูชาถึงจะเป็นมงคลกับชีวิต ตำหนิคนชั่วยกย่องคนดี

พระพยอมกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกรณีแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วในอดีตที่ผ่านมา ทางคณะสงฆ์ผู้ปกครองก็ควรเรียกพระสงฆ์ที่ไปก้มกราบมาตักเตือนติเตียนก็พอแล้ว เพื่อไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา อดีตพระยันตระมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถึงกับขนาดมีคนที่เตรียมของใส่บาตรรอวนใส่บาตรเป็นรอบที่ 2 ที่ 3 เพราะใครๆก็อยากเห็นอยากเจอตัวพระที่ รูปหล่อ เสียงเพราะ พูดภาษาอังกฤษได้ จนวัดแทบแตก ซึ่งถ้าหากอดีตพระรูปนี้ยังครอง ผ้าเหลืองอยู่จะโด่งดังกว่า 2 พส.แน่นอน

โผล่ไทย – นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ ในวัย 70 ปี นุ่งห่มเขียว ไว้ผมยาวและหนวดเคราเฟิ้ม เดินทางกลับไทย โผล่อาศรมเกพลิตาโพธิวิหาร จ.สระแก้ว ยืนยันยังเป็นพระ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.

ยังกราบไหว้ – อดีตพระยันตระ ที่ข่าวสดเคยเสนอข่าวเปิดโปงเสพเมถุนสีกา ต้องอาบัติปาราชิก จนหลบหนีไปสหรัฐ กลับมาเยี่ยมบ้านปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ช่วง วันที่ 16-18 ต.ค. ที่ ผ่านมา ยังคงมีพระ และฆราวาสกราบไหว้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน