‘เจ้าท่า’ ลุยเอาผิด น้ำมันรั่วทะเลมาบตาพุด แจ้งจับบริษัทต้นเหตุ ‘บ.เอสซีอาร์ซี’ แจงรั่วแค่แสนกว่าลิตรพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง ‘สุริยะ’ มั่นใจ ขจัดคราบน้ำมันได้ใน 27 ม.ค. ไม่กระทบ แม่รำพึง-เกาะเสม็ด’ ระยองระดมวุ่น หลังคราบ น้ำมันห่างฝั่งแค่ 4 กิโลเมตร ขณะชาวประมงชี้สิ่งแวดล้อมทะเลเสียหายแน่นอน

จากกรณีบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน หรือ เอสพีอาร์ซี ทำน้ำมันดิบรั่วจากท่อส่งน้ำมัน ลงกลางทะเล มาบตาพุด จ.ระยอง ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 25 ม.ค. โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ทำ OilMap จำลองเหตุการณ์พร้อมระบุหากไม่ป้องกันคาดคราบน้ำมันจะไปถึงหาดแม่รำพึง หมู่เกาะเสม็ดในวันที่ 28 ม.ค. ขณะที่บริษัทและหน่วยงานต่างๆ ได้ระดมกันช่วยกำจัดคราบน้ำมันโดยใช้วิธีโรยสารเคมีให้น้ำมันจมลงสู่ก้นทะเลตามข่าว

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่สภ.มาบตาพุด น.ส.อรพิน ท่วงที นักวิชาการขนส่งปฏิบัติการ กรมเจ้าท่า เข้าแจ้งดำเนินคดีบริษัทเอสพีอาร์ซี ที่ทำน้ำรั่วลงกลางทะเล 1.6 แสนลิตร ฐานกระทำการด้วยประการใดๆ ปล่อยให้สารเคมี หรือผลิตภัณฑ์รั่วไหลเข้าไปในทะเลน่านน้ำไทย ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 119 ทวิ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท

พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วครั้งนี้สามารถนำหลักฐานเข้าแจ้งความได้ที่ สภ.มาบตาพุด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และส.ส.ระยอง พร้อมด้วยนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง และนายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารระบบความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อมและชีวอนามัย บริษัท เอสพีอาร์ซี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการกำจัดน้ำมันในทะเล ที่ห้องประชุม อบจ.ระยอง

โดยนายพงษ์กรณ์รายงานสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น ว่า ขอโทษกับทุกฝ่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุเกิดจากระบบการโหลดน้ำมัน เป็นทุ่นลอยห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังโหลดน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันจากประเทศยูเออี ท่อที่มีความกว้าง 48 นิ้วเกิดรั่วไหล หลังเกิดเหตุได้ควบคุม การไหลทันที และประสานทุกหน่วยงานเข้าช่วยสกัดคราบน้ำมัน โดยมีน้ำมันรั่วออกมาจำนวน 1.6 แสนลิตร จากการตรวจสอบล่าสุดกำจัดน้ำมันไปเหลือเพียง 5,000 ลิตร ที่กำลังอยู่ระหว่างการกำจัด โดยการฉีดสารเคมีสลายคราบน้ำมัน และใช้ทุ่นกันไม่ไหลคราบน้ำกระจายตัวไปในวงกว้าง พื้นที่การรั่วไหลกินวงกว้างประมาณ 7,000 ไร่ ทางบริษัทพร้อมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น

นายสุริยะกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าจำนวนน้ำมันที่รั่วไหลทั้งหมด 1.6 แสนลิตร ส่วนบริษัทแจ้งครั้งแรกว่ารั่ว 4 แสนลิตร นั้นเกิดจากการประเมินเบื้องต้น และขอยืนยันว่าไม่เกิดผลกระทบต่อการ ท่องเที่ยว มั่นใจว่าคราบน้ำมันจะไม่ลอยเข้าชายหาดแน่นอน จะแก้ไขกำจัดได้เรีบร้อยภายในวันนี้ นอกจากนี้จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบในทุกมิติ ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสอบสวนสาเหตุ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และหามาตรการหรือแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก

จากนั้นนายสุริยะพร้อมด้วยนายสาธิตและนายชาญนะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดระยอง หาดแม่รำพึง ชายหาดสุชาดา และชายหาดแสงจันทร์ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ล่าสุดยังไม่พบว่ามีคราบน้ำมันซัดเข้าชายฝั่ง ส่วนที่บริเวณอ่าวตากวน ต.มาบตาพุด ที่อยู่ห่างจากจุดน้ำมันรั่วประมาณ 18 ก.ม. ซึ่งเป็นจุดขายอาหารทะเลสด และเป็นจุดจอดเรือเล็กของชาวประมง พบว่ายังคงเปิดขายอาหารทะเลสดตามปกติ โดยมีลูกค้าบางตา

นายโกสิน เดชคุ้ม อายุ 40 ปี ชาวประมงเรือเล็กอ่าวตากวนกล่าวว่า หลังจากที่เกิดน้ำมันรั่ว ทางหน่วยงานที่สกัดคราบน้ำมันกลางทะเล ห้ามไม่ให้เรือประมงเข้าไปใกล้จุดน้ำมันรั่วโดยเด็ดขาด ซึ่งพบมีการใช้ทุ่นกั้นคราบน้ำมันในทะเล เป็นพื้นที่กว้างหลายพันไร่ เพื่อป้องกันคราบน้ำมันถูกพัดเข้าฝั่ง ซึ่งอยู่ห่างหลายกิโลเมตร เวลาลมทะเลพัดมายังได้กลิ่นฉุนของน้ำมันฟุ้งกระจาย

นายโกสินกล่าวอีกว่า ที่บอกน้ำมันรั่วออกมาน้อยกว่าครั้งก่อนนั้น ถ้าดูจากคราบน้ำมันที่ลอยอยู่ ชาวประมงต่างก็ทราบดี และเชื่อว่าจะมีปริมาณที่ไม่น้อยกว่าครั้งที่แล้ว กรณีที่คราบน้ำมันยังพัดเข้ามาไม่ถึงชายฝั่ง ก็เนื่องมาจากทิศทางของกระแสลมเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงมรสุม แต่เชื่อว่ายังไงก็พัดเข้าถึงแน่นอน จะเป็นแบบละอองน้ำมันที่ถูกสาร ละลาย หรือคราบน้ำมันที่จับตัวจมลงสู่ก้นทะเล และส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการใช้สารเคมีละลายคราบน้ำมัน ก็เท่ากับทั้งสารเคมีและคราบน้ำมันก็ต้องจมลงก้นทะเล สิ่งแวดล้อมใต้ทะเลเสียหายหมด แค่หลังเกิดเหตุออกไป หาปลายังหาปลาไม่ได้เลย ลดลงไปกว่าครึ่ง

“ชาวประมงเดือดร้อนกันทั่ว สารพันปัญหา ทั้งน้ำมันแพง แล้วยังต้องมารับผลกระทบ ที่เกิดจากความประมาทอีก พอจะเริ่มหาปลาได้ดี ก็มาประสบกับชะตากรรมเดิมอีก ทั้งที่ผลกระทบครั้งที่แล้วเพิ่งเริ่มดีขึ้น ก็มาเกิดซ้ำขึ้นอีก จึงขอฝากไปที่ภาครัฐควรจะมีมาตรการ การตรวจสอบที่เข้มงวด เช่นเดียวกับ ผู้ประกอบการที่ควรตรวจสอบอุปกรณ์ ที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายให้รอบคอบ ไม่ใช่พอเกิดเหตุแล้วค่อยมาล้อมคอก ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ดี มันไม่คุ้มกับเงินเยียวยา เพราะกว่าจะฟื้นฟูต้องใช้เวลาเป็นสิบเป็นร้อยปี ความเดือดร้อนจึงตกอยู่กับอาชีพชาวประมงเรือเล็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ชาวประมง เรือเล็กกล่าว

นายยุทธภูมิ พืชพันธ์ สมาชิกกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้านตากวนกล่าวว่า เมื่อคืนได้ออกไปทำการประมงในทะเลพบคราบน้ำมันดิบเป็นแผ่น ลอยอยู่กลางทะเลห่างออกจากฝั่ง 12 ไมล์ทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเรือหรือ เจ้าหน้าที่สอนชลได้นำเรือตรวจตราลาดตระเวนกันไม่ให้เข้าไปทำการประมงใกล้กับพื้นที่ที่จุดคราบน้ำมันรั่วไหล ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบกับสัตว์น้ำทะเล และปัญหาการบริโภคอาหารทะเล ซึ่งนักท่องเที่ยวจะแตกตื่นไม่กล้าบริโภคอาหารทะเลเหมือนครั้งที่ผ่านมา ที่ระยองเคยได้รับผลกระทบการรั่วไหลของน้ำมันมาแล้ว จึงอยากให้ทางบริษัทออกมา รับผิดชอบและเยียวยาทุกกรณีที่ทางบริษัท ทำเรื่องเสียหายกับสิ่งแวดล้อมและจนกระจายเป็นผลกระทบในวงกว้าง

คราบน้ำมันประชิดชายหาดระยองอีก 4 ก.ม.ถึงชายหาด ขนบีชบูมยาว 350 เมตรกันคราบน้ำมันทะลักหาด

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายอนันต์ นาคนิยม รองผวจ.ระยอง ได้เดินทางไปยังบริเวณท่าเรือไออาร์พีซี ต.เชิงเนิน อ.เมือง หลังบริษัทเอสพีอาร์ซีขนบีชบูมยาวรวม 350 เมตรมายังริมชายหาดข้างท่าเรือ เพื่อนำไปสกัดคราบน้ำมันที่ประชิดเข้ามาใกล้ฝั่ง ซึ่งขณะนี้คราบน้ำมันอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 4 กิโลเมตร โดยนายอนันต์กล่าวว่า ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะขึ้นตรงจุดไหน จึงเป็นการเฝ้าระวังป้องกันไว้ก่อน

ที่กองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อม น.ส.พรพิมล เจริญส่ง ผอ.กองจัดการคุณภาพน้ำ คพ. นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผอ.สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า และ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) เพื่อเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง

โดย ดร.พรศรีเปิดเผยถึงความกังวลของคราบน้ำมันที่จะส่งผลทรัพยากรใต้ทะเล ที่มีแนวปะการัง 150 ไร่ และหญ้าทะเล 300 ไร่ พร้อมยืนยันว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งการดำเนินการ และทรัพยากร ที่เสียหาย และในระยะยาวจะตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากร

ป้องชายหาด – เจ้าหน้าที่ระดมลากบีชบูมวางตรึงตลอดชายหาด ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ป้องกันคราบน้ำมันบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียมฯ รั่วไหลออกจากท่อใต้ทะเลลอยเข้าฝั่ง ล่าสุดห่างจากฝั่งไม่กี่กิโลเมตร เมื่อวันที่ 27 ม.ค.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน