ชี้ลูกคงรอดตายถ้าไม่ล็อกประตู ญาติทยอยทำพิธี เชิญวิญญาณกลับ เจ้าของยื่น1ล้าน ลุ้นขอประกันตัว

ตร.แยกขังเดี่ยว ‘เสี่ยบี’ เจ้าของผับมรณะเมาน์เทน บี สภาพจิตใจย่ำแย่ สีหน้า เคร่งเครียด ทนายเตรียม หลักทรัพย์ 1 ล้านยื่นประกันตัว เมียเจ้าของผับยันทั้งตนและสามีอยู่ในที่เกิดเหตุ หลังเกิดระเบิดมีควันดำพวยพุ่งรีบโทร.แจ้งกู้ภัยและดับเพลิง ภาพผู้บาดเจ็บไฟลามตัวยังติดตา ปัดคนมีสี-นักการเมืองเอี่ยวธุรกิจผับ บริษัทฉีดพ่นโฟมยันไม่ใช่วัตถุติดไฟ ญาติทยอยไปทำพิธีเชิญวิญญาณเหยื่อ เผยศาลาวัดเต็มต้องเปิดศาลาประชาคมตั้งศพหนุ่มเจ้าของวันเกิด น้องและแม่นักร้องยังข้องใจปมปิดประตูผับเป็นเหตุให้คน-ตายเจ็บ เล็งฟ้องให้ชดใช้ค่าชีวิต

แยกขังเสี่ยบีเจ้าของผับมรณะ
จากกรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับเมาน์เทนบี ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี วันที่ 5 ส.ค. มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 37 ราย ล่าสุด วันที่ 7 ส.ค. ที่ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สื่อมวลชนยังคงติดตามความคืบหน้า โดยยอดผู้เสียชีวิตคงจำนวน 15 ราย บาดเจ็บ 37 คน ผู้บาดเจ็บระดับสีแดง 8 คน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ขณะที่ นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของผับ ถูกควบคุมตัวในห้องขังคืนแรก โดยสิบเวรเผยว่านายพงศ์ศิริแยกขังห้องเดี่ยว สภาพจิตใจย่ำแย่ สีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา หลับๆ ตื่นๆ เป็นช่วงๆ เจ้าหน้าที่พยายามเฝ้าดูทุกชั่วโมง ในช่วงเช้าญาตินำอาหารและน้ำดื่มมาฝากให้ผู้ต้องขัง โดยวันเดียวกันนี้ตำรวจจะเบิกตัวนายพงศ์ศิริมาให้ปากคำเพิ่มเติม

เมียเสี่ยบีเล่านาทีเกิดเหตุ
นางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยานายพงศ์ศิริ เผยว่าเหตุการณ์วันนั้นร้านเปิดบริการตามปกติ ในส่วนของผู้บริหารทั้งนายพงศ์ศิริและตนนัดกันจะเข้าไปเช็กเสียงในร้านที่ปรับเปลี่ยนใหม่หลังเช็กสต๊อกของเสร็จ โดยนัดช่างที่มาติดตั้งไว้แล้ว หลังเข้าไปได้ไม่นานได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านในก่อนไฟจะลุกลามขึ้น จึงตะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ให้รีบหลบหนีออกมาด้านนอก พร้อมสั่งการให้พนักงานช่วยเหลือลูกค้าที่ติดอยู่ภายใน โดยตนเองพยายามวิ่งเข้าไปแต่ขณะนั้นเกิดกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง หลังตั้งสติจึงโทร.แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง การ์ดของทางร้านตะโกนบอกว่าห้ามเข้า ภายในกำลังจะระเบิด จึงวิ่งออกมาหลบด้านนอกก่อนเกิดการระเบิดขึ้น เปลวไฟโหมออกมาด้านนอกรุนแรง จึงเข้าไปหลบในห้องด้านนอก จังหวะนั้นมีผู้บาดเจ็บที่ลำตัวมีเปลวไฟวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ จึงพยายามดับไฟและนำผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ ยอมรับว่าสภาพผู้บาดเจ็บเห็นแล้วยังทำใจไม่ได้ เหตุการณ์ชุลมุนมาก กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาถึงจึงร้องขอความช่วยเหลือ

ปัด‘คนมีสี-นักการเมือง’เอี่ยว
นางอนงค์นารถกล่าวต่อว่าช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งสามีและตนก็อยู่ และพยายามช่วยเหลือลูกค้าที่บาดเจ็บ ไม่ได้หลบหนี ตั้งแต่เกิดเรื่องอยู่โรงพักมาตลอด 2 วัน ไม่ได้อาบน้ำ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นไหม้ สภาพจิตใจย่ำแย่มาก กราบขออภัยผู้ที่ประสบเหตุและครอบครัวเป็นอย่างมาก ไม่มีเจตนาให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ตนและสามีเป็นเพียงแค่คน 2 คนที่พยายามทำมาหากินเท่านั้น พร้อมรับผิดชอบดูแลทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่สามารถชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ตาม ขอโทษจากใจจริงๆ ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนมีสีมาเอี่ยว มีนักการเมืองเป็นแบ๊กอัพให้นั้น เรื่องจริงคือไม่มีใครมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ความคิดของตนเองและสามีเท่านั้นที่อยากจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองเพื่อทำธุรกิจและดำเนินชีวิต

เตรียมทรัพย์ 1 ล้านยื่นประกัน
นายอนุชา วงศ์ศรีรัตน์ ทนายความส่วนตัว เผยว่าขณะนี้นายพงศ์ศิริมีสภาพจิตใจย่ำแย่มาก รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ในส่วนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทางร้านจะมอบเงินเยียวยาสำหรับญาติผู้เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท คนเจ็บรายละ 10,000 บาท สามารถติดต่อทางเพจเฟซบุ๊กเมาน์เทน พร้อมมอบหมายให้ผู้จัดการร้านติดต่อทุกคนที่บาดเจ็บเพื่อช่วยเหลือต่อไป ส่วนเรื่องคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ให้ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยให้ทนายและญาติไปยื่นประกันตัวในชั้นศาล ตอนนี้ทางครอบครัวเตรียมหลักทรัพย์วงเงิน 1 ล้านบาท ประกันตัวในวันที่ 8 ส.ค.

เผยครอบครัวรู้สึกช็อก
นายอนุชากล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความหวังที่จะได้รับความเมตตาในการประกันตัว เพราะเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความประมาท ไม่ได้เจตนา และทางเราพยายามจะเยียวยามาโดยตลอด ถ้าได้ประกันตัวออกมาก็จะสามารถไปหาญาติหรือคนที่รู้จักเพื่อหาเงินมาเยียวยาได้ เจตนาไม่ได้คิดหลบหนีตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ กรณีที่เกิดขึ้นนายพงศ์ศิริและครอบครัวรู้สึกช็อกและเสียใจมากเพราะไม่มีเจตนา เป็นเพียงแค่คนวัยทำงานหนุ่มสาวอายุแค่ 27 ปี ที่อยากสร้างตัวสร้างอนาคต โดยที่ยังไม่ค่อยรู้ขั้นตอนและวิธีการมากนักจึงเกิดความผิดพลาด ส่วนในเรื่องของรูปคดีเจ้าหน้าที่จะสอบสวนเพิ่มเติมและสอบพยานอีกหลายปาก ข้อหาใน 2 กรณีนั้นอาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง โดยเฉพาะเรื่องอาคาร การต่อเติม และจากการแจ้งของผู้เสียหายอีกจำนวนมาก คงมีเรื่องของเวลาและเอกสารของทางร้านที่ต้องนำมาชี้แจง จึงถือเป็นอีกกรณีที่อยากได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาดำเนินการให้ครบถ้วน

ทนายความกล่าวอีกว่าการเตรียมหาเงินสดหรือหลักทรัพย์ที่จะนำมาใช้เยียวยาหรือดำเนินการในเรื่องคดีค่อนข้างลำบากพอสมควร เพราะทรัพย์สินอย่างที่ดินของร้านก็เป็นเพียงที่ดินเช่าไม่ใช่ที่ดินส่วนตัว การจะให้คนที่มีตำแหน่งทางราชการใหญ่มีระดับมาช่วยเหลือนั้นเราไม่ได้รู้จักใครมากมาย เป็นเพียงพ่อค้านักธุรกิจธรรมดาและทุกอย่างอยู่ในแวดวงครอบครัวพ่อแม่พี่น้องเท่านั้น อย่างไรก็ตามจะพยายามเคลียร์ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดเพราะเป็นเงินจำนวนมาก ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยเพิ่มเติมแม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะยังอยู่ที่ 15 รายก็ตาม

ตรวจหลังคา – เจ้าหน้าที่ตั้งนั่งร้านเตรียมขึ้นตรวจสอบและเก็บหลักฐานบนหลังคาผับเมาน์เทน บี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีข้อสงสัยวางยางรถยนต์บนหลังคาที่อาจส่ง ผลต่อเพลิงไหม้จนมี ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

บ.ฉีดโฟมยันไม่ใช่วัตถุติดไฟ
นายพิเชษฐ์ ธินนท์ เจ้าของ บจก.อินซูเลชั่น บริษัทรับฉีดพ่นน้ำยาโฟมซับเสียงให้ร้าน เมาน์เทนบี เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน โดยเผยว่าได้รับว่าจ้างจากผับดังกล่าวให้มาฉีดพ่นโฟมกันเสียงตั้งแต่กลางปี 2564 ขณะนั้นร้านยังไม่เปิดบริการ ประกอบกับเป็นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยรับจ้างฉีดพ่นโฟมกันเสียงในพื้นที่รวม 600 ตารางเมตร ความหนาแน่นของวัสดุประมาณ 3 นิ้ว ในอัตราค่าว่าจ้างกว่า 3 แสนบาท น้ำยาที่ใช้ฉีดพ่นเรียกว่า น้ำยา “พียู โฟม” ฉีดพ่นทั้งใต้หลังคา นอกตัวหลังคา และพ่นสารเซรามิกเคลือบทับอีกชั้น ในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาทางร้านแจ้งให้ไปฉีดพ่นสารกันเสียงเพิ่มเติมเนื่องจากยังมีบางจุดยังไม่ได้ฉีด ดำเนินการจนแล้วเสร็จ

นายพิเชษฐ์กล่าวต่อว่าบริษัทเปิดมานานกว่า 10 ปี ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่ผ่านมารับงานฉีดโฟมที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันความร้อน กันรั่ว และกันเสียงเข้า-ออก มาแล้วทั่วประเทศ ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และสถานบริการต่างๆ ด้วยน้ำยาที่มีมาตรฐานสากลรับรองจากประเทศเยอรมนี ยืนยันว่าสาร “พียู โฟม” ที่ใช้ในอาคารผับแห่งนี้ไม่ใช่ฉนวนติดไฟง่ายแน่นอน โดยนายพิเชษฐ์เปิดคลิปโชว์และระบุต่อว่าส่วนล้อยางรถยนต์ที่วางทับบนหลังคานั้นไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท น่าจะเป็นความคิดของทางร้านที่มาวางทับเพื่อกันการสั่นสะเทือนของหลังคา

เรียกหนุ่มคว้าขวดให้ปากคำ
ช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายพงษ์พัฒน์ รุ่งโรจน์ อายุ 22 ปี ชายในคลิปขณะเกิดเหตุ ลักษณะวิ่งถือขวดเหล้ากับกระติกน้ำแข็งออกมาจากผับขณะไฟไหม้ นายพงษ์พัฒน์เล่าว่าตนและเพื่อนอยู่บริเวณกลางร้าน เห็นไฟไหม้บนหลังคาหน้าเวที ด้วยความตกใจคว้าอะไรได้ก็คว้าติดมือมา สิ่งที่คว้ามาได้คือขวดเหล้ากับถังน้ำแข็งแล้วหนีออกมานอกร้าน ทุกคนต่างกลัวพากันวิ่งหนีออกมา บางคนวิ่งไปคว้าถังดับเพลิงช่วยพ่นฉีดดับไฟแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสพูดคุยกับนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี เจ้าของร้าน ขณะอยู่ในห้องสอบสวน นายพงศ์ศิริบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างและพร้อมดูแลทุกคนที่ประสบเหตุ

แม่นักร้องยังคาใจประตูล็อก
นางเปรมใจ เเซ่อึ้ง แม่ของนายฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องนำ ซึ่งเดินทางมาขอเอกสารใบมรณบัตร เผยว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าของหรือตัวแทนเมาน์เทนบีผับในเรื่องเงินเยียวยาและการช่วยเหลือ แต่ทราบว่ามีบางครอบครัวได้รับการติดต่อแล้ว ไม่กังวล เพราะเชื่อว่าครอบครัวเจ้าของผับทำธุรกิจหลายอย่าง ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอยู่ระหว่างการปรึกษาทนาย ยังติดใจประเด็นการล็อกประตูด้านหลังร้านที่ปกติแล้วเป็นทางเข้าออกของนักดนตรี หากไม่ได้ล็อกประตู นักดนตรีและลูกชายก็จะรอดชีวิต

กลับบ้าน – ญาติและกลุ่มเพื่อนน.ส.พรหมพร พูลสวัสดิ์ อายุ 18 ปี นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีเชิญวิญญาณจาก ผับเมาน์เทน บี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน เมื่อวันที่ 7 ส.ค.

ญาติเชิญวิญญาณเหยื่อผับ
วันเดียวกัน บริเวณด้านหน้าผับเมาน์เทนบี กลุ่มญาติทยอยเดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตหลังเดินทางไปรับศพเพื่อเคลื่อนย้ายไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยมารดานายสุรกานต์ เรืองฤทธิ์ อายุ 35 ปี เล่าว่าญาติโทร.บอกว่ากลางดึกมีสุนัขเห่าหอนระงมตลอดทั้งคืน เชื่อว่าวิญญาณของลูกชายมาหาแต่เข้าบ้านไม่ได้ จึงแนะนำให้เดินทางมาจุดธูปเชิญดวงวิญญาณกลับ ขณะที่ญาติและกลุ่มเพื่อนน.ส.พรหมพร พูลสวัสดิ์ อายุ 18 ปี นิมนต์พระภิกษุสงฆ์พร้อมถือรูปมาทำพิธีเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตเพื่อกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

ศาลาวัดเต็ม-เปิดศาลาประชาคม
เวลา 15.00 น. ที่ศาลาประชาคม หมู่ 7 บ้านหนองหญ้า ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายยศวัฒน์ ภูวรัตน์เลิศคุณ นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว เดินทางมาอำนวยความสะดวก การจัดตั้งพิธีสวดอภิธรรมศพนาย ธนกฤต นีน้อย อายุ 36 ปี เหยื่อเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาน์เทนบี รายที่ 15 เจ้าของงานวันเกิดในคืนเกิดเหตุ ซึ่งในกลุ่มของนายธนกฤตมีผู้เสียชีวิตมากสุดถึง 3 ราย และบาดเจ็บอยู่ในกลุ่มสีแดงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 3 คน โดย 1 ใน 3 ของผู้บาดเจ็บเป็นภรรยาผู้ตาย คือน.ส.นลินี บุญประเสริฐ ยังรักษาตัวอยู่ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรุงเทพฯ ถูกไฟคลอกใบหน้าและแผ่นหลัง

นายยศวัฒน์ เผยว่าได้รับการประสานจากบิดาผู้ตายว่า ศาลาวัดในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลเกล็ดแก้วเต็มทุกศาลาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ทางเทศบาลจึงเปิดใช้ศาลาประชาคมแห่งนี้เป็นสถานที่สวดอภิธรรมผู้เสียชีวิตรายนี้ ซึ่งเป็นลูกบ้านในหมู่บ้านหนองหญ้า พร้อมประสานทางวัดจัดยืมโลงเย็น อาสน์สงฆ์ รวมถึงเครื่องใช้ในพิธีกรรมสงฆ์ทั้งหมด ในคืนเกิดเหตุ ทางเทศบาลจัดรถดับเพลิงและทีมงานไปร่วมสนับสนุน เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในพื้นที่ อ.สัตหีบ อยากให้ทุกภาคส่วนช่วยเหลือกันในทุกด้านเพื่อให้ทุกคนผ่านเรื่องราวเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้

น้องและแม่ข้องใจประตูปิด
ด้าน น.ส.นิตยา นีน้อย อายุ 30 ปี น้องสาว และนางอัจฉรา นีน้อย อายุ 63 ปี มารดาผู้ตาย ร่วมกันเปิดเผยว่าครอบครัวยังยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว มีกิจการเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน ในวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดของผู้ตาย หลังจากกินเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านแล้ว ช่วง 5 ทุ่ม พากันปิดบ้านแล้วไปต่อที่ เมาน์เทนบี จนกระทั่งภรรยาผู้ตายโทรศัพท์มาแจ้ง หลังจากนั้นก็ติดต่อใครไม่ได้อีกเลย พยายามไปตามหาที่โรงพยาบาลต่างๆ ก็ไม่เจอ รู้อีกทีผู้ตายถูกย้ายไปโรงพยาบาลระยอง ส่วนภรรยาถูกย้ายไปโรงพยาบาลเจริญกรุง ประชารักษ์ก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวานได้รับการติดต่อประสานจากเมาน์เทน บี เพื่อแสดงความรับผิดชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ทางครอบครัวยืนยันว่าไม่ต้องการเรียกร้องเงินทอง

ก่อนหน้านี้สิ่งที่ครอบครัวต้องการคือการรักษาชีวิตของผู้ตายและการได้รับการรักษาอย่างดีเพื่อรักษาชีวิต แต่ไม่มีการติดต่อหรือส่งตัวแทนมาดูแล ถือว่าช้ามาก จนตอนนี้ผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วส่วนภรรยายังโคม่า ในเรื่องของคดีทางครอบครัวติดใจทุกส่วน โดยเฉพาะประตูทางออก เพราะจากข่าวทางร้านพูดอีกแบบ คนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดอีกแบบ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางร้านอ้างว่าประตูเปิด ถ้าเปิดจริงทุกคนในผับต้องรอด คนหนีตายอย่างไรต้องหาทางออก แต่ทำไมทุกคนต้องวิ่งมาออกันที่ประตูด้านหน้า ถ้าประตูเปิดทั้งหมด ทุกคนต้องออกได้ทุกประตู เชื่อว่าหากประตูเปิดคนตายและคนเจ็บต้องรอดทุกคน

ลุยตรวจสถานบันเทิงพัทยา
พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 เป็นประธานพิธีปล่อยแถวมอบนโยบายป้องกันเหตุอาชญากรรมในเมืองพัทยา พร้อมเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานประกอบการต่างๆ ภายในวอล์กกิ้งสตรีต พัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เน้นย้ำผู้ประกอบการสถานบันเทิงปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการ ตรวจสอบอาวุธและยาเสพติดห้ามมีเด็ดขาด กำชับมาตรการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ ทั้งประตูทางออก เส้นทางหนีไฟ อุปกรณ์ป้องกัน อุปกรณ์ดับเพลิง ซักซ้อมหากเกิดเหตุ ด้าน เจ้าหน้าที่ต้องคอยตรวจตราในพื้นที่ หากผิดปกติให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบทันที

ลพบุรี-โคราชสั่งคุมเข้ม
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี สั่งการให้แต่ละอำเภอออกตรวจสอบควบคุมและกำกับดูแลสถานบริการในพื้นที่ กำชับสถานประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย ตรวจสอบถังดับเพลิงให้พร้อมใช้งานและติดตั้งเพิ่มเติม ติดไฟสัญลักษณ์บอกทางหนีไฟให้ชัดเจน จัดสถานที่สูบบุหรี่แยกเฉพาะตามมาตรการป้องกันอัคคีภัยในสถานบริการ

ขณะที่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งกวดขันเรื่องความปลอดภัยของสถานบันเทิงในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่อำเภอสัตหีบ จากการลงพื้นที่พบสถานบริการหลายแห่งต้องปรับปรุงในเรื่องความปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ บางแห่งยังไม่มีทางหนีไฟ ไม่มีระบบตัดไฟฟ้าลัดวงจร สั่งการให้แก้ไขปรับปรุงในเรื่องความปลอดภัย การป้องกันเหตุเพลิงไหม้ โดยเฉพาะทางหนีไฟทุกสถานบันเทิงต้องมี ห้ามจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ห้ามจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประกายไฟ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน