ทำร้าย-ใช้แรงเยาวชน ในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก

ปิดคดีครูยุ่น-มูลนิธิคุ้มครองเด็กประทุษร้าย-ทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชน สรุปสำนวนสั่งฟ้องกราวรูด ‘ครูยุ่น-เมีย-มูลนิธิ’ กว่า 10 ข้อหา ร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็กด้วย นอกจากนี้ ยังถูกออกหมายเรียกฐานเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งตู้บริจาคในห้างสรรพสินค้าและสถานที่อื่นๆ กว่า 300 จุด

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 พ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศพดส.ตร. แถลงปิดคดีกรณีที่มูลนิธิเส้นด้ายเข้าแจ้งขอความช่วยเหลือจากสภ.อัมพวา และบก.ภ.สมุทรสงคราม กรณีพบเด็กซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ของนายมนตรี หรือครูยุ่น สินทวิชัย อายุ 61 ปี ถูกทำร้ายร่างกาย โดยมีภาพถ่ายวิดีโอของเด็กจำนวนหนึ่งถูกนายมนตรีใช้ไม้ตีด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5, บก.ปคม., สภ.อัมพวา, เจ้าหน้าที่พม.จังหวัดสมุทรสงคราม และมูลนิธิเส้นด้าย ได้เข้าตรวจสอบที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) เลขที่ 56 หมู่ 1 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พบเด็กอายุตั้งแต่ 1-18 ปี รวมจำนวน 56 ราย เบื้องต้น พบเด็กที่เคยถูกทำร้ายจำนวน 33 ราย ที่เคยถูกลงโทษด้วยการทุบตีด้วยเหล็กหรือไม้ไผ่ ตบศีรษะ บีบคอ บางรายถูกลากไปกดน้ำที่อ่างน้ำจนสำลัก นอกจากนี้ยังถูกบังคับให้ไปทำงานที่บ้านแม่น้ำรีสอร์ท ต.บางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นของนางพิมลภรรยาของครูยุ่นด้วย จึงได้นำผู้เสียหายทั้งหมดไปดูแลและคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างการสอบ สวนดำเนินคดี

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.อัมพวา ได้สอบปากคำพยานมากกว่า 100 ปาก และตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้อง และ เส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับตัวครูยุ่นและมูลนิธิคุ้มครองเด็ก พร้อมสรุปสำนวนสั่งฟ้องดำเนินคดีผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย

1.นายมนตรี ดำเนินคดีฐานเป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพโดยไม่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานสงเคราะห์เด็กทำร้ายร่างกายหรือจิตใจหรือลงโทษเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลโดยวิธีการรุนแรง กระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันบังคับใช้แรงงานโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ กระทำด้วยประการอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับการกระทำดังกล่าวข้างต้นและได้กระทำให้ผู้ถูกกระทำนั้นอยู่ในสภาวะไม่อาจขัดขืนได้ ร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นนายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง ร่วมกันเป็นนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ร่วมกันเป็นนายจ้าง จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นลูกจ้างโดยมิได้มีการแจ้งการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เด็กทำงาน และร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก

2.นางพิมล สินทวิชัย อายุ 61 ปี ภรรยาครูยุ่น ดำเนินคดีฐาน ร่วมกันบังคับใช้แรงงานโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ กระทำด้วยประการอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับการกระทำดังกล่าวข้างต้นและได้กระทำให้ผู้ถูกกระทำนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ร่วมกันกระทำความผิดฐาน ร่วมกันเป็นนายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง ร่วมกันเป็นนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ร่วมกันเป็นนายจ้าง จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นลูกจ้างโดยมิได้แจ้งการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เด็กทำงาน ร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก

3.มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ที่มีนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นประธานกรรมการ ดำเนินคดีฐานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานสงเคราะห์ไม่ยื่นขอแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพ แต่ยังกระทำการเป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า มูลนิธิคุ้มครองเด็กได้วางตู้รับบริจาคที่บริเวณห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามูลนิธิแห่งนี้วางตู้รับบริจาคในหลายพื้นที่ทั่วประเทศมากกว่า 300 จุด เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายของมูลนิธิ แต่มิได้ขออนุญาตตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับมูลนิธิคุ้มครองเด็ก พร้อมกรรมการจำนวน 6 คน ที่พื้นที่ สน.โชคชัย ในความผิดฐานทำการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งได้รับการติดต่อกลับจากทางทนาย ความว่า ขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาออกไปอีก 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ได้ให้พนักงานสอบสวนแจ้งกรมสรรพากรให้ตรวจสอบรายได้ของมูลนิธิว่าได้เสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อนำมารวบรวมเป็นหลักฐานในการดำนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน