กรุงไทยพาทัวร์ภูเก็ต-พังงา – ตี 5 ทุกคนพร้อมหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อบินสู่จุดหมายปลายทางภูเก็ต-พังงากับคณะผู้บริหารและ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย

ชวนเยี่ยมผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ในฐานะธนาคาร กรุงไทย เป็นผู้พัฒนา “เป๋าตัง” แอพพลิเคชั่น ที่เป็น open platform เพื่อตอบโจทย์ความเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ภายใต้มิชชั่น “กรุงไทยเคียงข้างไทย เคียงข้างคุณ”

ทริปนี้จึงได้เดินสายกิน เที่ยวแบบรัวๆ เลยขอตั้งชื่อเองว่า ทริปกิน-เที่ยว 4×100

9 โมงกว่าคณะถึงสนามบินภูเก็ต เริ่มจากกราบนมัสการองค์พระทอง หรือพระผุดเพื่อเป็นสิริมงคล ที่วัดพระทอง หรือวัดพระผุด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 13 ก.ม.

วัดพระผุด เดิมเป็นทุ่งนา ชาวบ้านนิยมนำสัตว์เลี้ยงวัวควายมาปล่อยกินหญ้า วันหนึ่งตายาย สั่งหลานให้เอาวัว ควายไปเลี้ยง และหลานได้เอาเชือกไปผูก คิดว่าเป็นตอไม้เพื่อไม่ให้ควายวิ่งหาย คืนนั้นเด็กเสียชีวิต และควายตายในเวลาต่อมา

ส่วนพ่อของเด็กได้ฝันว่าที่เด็กและวัวควายล้มตาย เพราะเด็กนำควายไปผูก กับเกศพระพุทธรูป ทำให้ชาวบ้านมาดูจุดที่เด็กผูกตอ สังเกตเห็นพระเกศขององค์พระที่อยู่ใต้ดินตามที่พ่อเด็กฝัน ชาวบ้านเลยช่วยกันทำความสะอาดเห็นองค์พระสีทอง และพยายามขุดเพื่อ นำองค์พระขึ้นมา แต่เจออุปสรรค ทำให้ล้มเลิกความตั้งใจ และเปลี่ยนมาร่วมกันสร้างพระพุทธรูปหุ้มพระที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ดังที่เห็นในปัจจุบัน พร้อมสร้างอุโบสถขึ้นมา เพื่อให้ชาวบ้านกราบสักการะ จึงเป็นที่มาของชื่อพระผุด

ที่วัดยังมี e-Donation แค่สแกนคิวอาร์-โค้ด ใส่จำนวนเงิน เพียงแค่นี้เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของวัด สะดวกสบาย พอได้ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า

เดินทางอีกครึ่งชั่วโมงถึงร้านอาหารป่าหล่าย ซีฟู้ด บรรยากาศริมทะเล ประเดิมมื้อแรกด้วยซีฟู้ดจี๊ดจ๊าด ตบท้ายด้วย “โอ้เอ๋ว” ขนมหวานขึ้นชื่อกินแล้วชื่นใจ หากินได้เฉพาะที่ภูเก็ต

ไปต่อกันที่วัดฉลอง หรือเรียกกันเคยปากว่าวัดหลวงพ่อแช่ม ที่เลื่อมใสศรัทธาของคนภูเก็ต ภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมี ที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกาด้วย

ออกจากวัดฉลอง ไปชิลกันต่อที่ร้านมาดูบัว นั่งจิบกาแฟ ท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมถ่ายภาพมุมสูงด้วยโดรน และที่ สุดเท่คือการลงไปยืนถ่ายรูปบนใบบัวหลวงวิคตอเรีย เป็น สายพันธุ์บัวที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่าย แนะนำว่าควรเลี่ยงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เพราะถ้าเจอคลื่นมหาชนอาจหมดอารมณ์ชิล

ได้เวลามื้อเย็น ที่ร้านระย้า ตำนานอาหารใต้ขึ้นชื่อคู่เมืองภูเก็ตมากว่า 20 ปี โดยมีคุณป้ากุหลาบ เจ้าของร้านนั่งต้อนรับและทักทายลูกค้าเหมือนลูกหลาน ปัจจุบันลูกหลานยังได้แตกยอดออกมาทำร้านปลายระย้า ใจกลางสุขุมวิท กรุงเทพฯ และร้านวันจันทร์ ย่านเมืองเก่าของภูเก็ต

พออิ่มหนำ ก็เดินทางกันต่ออีกชั่วโมงเศษมุ่งสู่ จ.พังงา เพื่อเตรียมลุยต่อในเช้ามืดอีกวันกับกิจกรรมอันซีน “สปาโคลน” ที่ชุมชนบ้านโคกไคร จ.พังงา ไปดูภูมิปัญญาชาวบ้าน เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลป่าโกงกางที่สมบูรณ์ มีแหล่งโคลนธรรมชาติที่นำมาใช้ในการสร้างกิจกรรมการท่องเที่ยววิถีชุมชน ที่ชาวบ้านร่วมบริหารกันเอง โดยเปิดการท่องเที่ยวเพียง 10 วันต่อเดือน ที่เหลืออีก 20 วัน จะปล่อยให้สิ่งแวดล้อมมีการฟื้นฟูด้วยตัวเอง

ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิต หอยนางรมของประเทศไทย ทำให้ชาวบ้านได้ทำกินเรื่องหอยนางรม ธนาคารปู ซึ่ง กรุงไทยได้ตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อรับซื้อปูจากชาวบ้านมาเลี้ยงจนเป็นปูไข่ และปล่อยให้มีปูกลับคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งภารกิจเพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมสมบูรณ์และเกิดความยั่งยืน

โดยตีห้าครึ่งพร้อมเพรียงมุ่งสู่บ้านโคกไคร คณะสวมเสื้อชูชีพลงเรือล่องชมฟาร์มหอยนางรมและหอยแมลงภู่ ตลอดเส้นทาง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึง “หาดน้ำร้อน” อยู่ในคลองมะรุ่ย ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง จ.พังงากับกระบี่

ทันทีที่เท้าสัมผัสชายหาด รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของน้ำและทรายร้อนกำลังดี จากนั้นเปลี่ยนผ้านุ่ง นั่งแช่น้ำร้อน ก่อนทำ ‘สปาโคลน’ เพื่อคลายเมื่อยล้า ระหว่างที่ทิ้งให้โคลนตามร่างเปลี่ยนเป็นสีเทา ก็ทานอาหารเช้าที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้เป็นข้าวต้มกรรเชียงปู กับหอยนางรมสดๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ต้องบอกว่าประสบการณ์นี้ไม่มีวันลืม หลังจากนั้นก็ล้างโคลนออกด้วยน้ำเย็นในลำคลอง

ใครที่สนใจกิจกรรมนี้แนะนำให้ตรวจสอบก่อน เพราะอย่างที่บอกไม่ได้มาได้ทุกวัน ขึ้นอยู่กับน้ำลงวันไหน ซึ่งชาวบ้านดูข้างขึ้นข้างแรม เดือนหนึ่งมาได้ 8-10 วันเท่านั้น

จากนั้นกลับเข้าภูเก็ตเพื่อลงเรือยอชต์ ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ไปสัมผัสโลกใต้ทะเล และกิจกรรมสุดท้าทายที่เกาะเฮ ทั้งสไลเดอร์ และ Stand Up Paddle board กลางทะเล หรือเรียกอีกอย่างว่ายืนพายบนบอร์ด ถ้าทรงตัวไม่ดีก็ตกทะเล

หลังจากนั้นเรือก็พาไปขึ้นที่หาดบานาน่าบีช ดูนกเงือกและเล่นกีฬาทางน้ำ ไม่ว่าจะพายเรือคายัก นั่งบานาน่า สะวิง ชิงช้าชมวิว 360 องศา และมันส์สุดติ่งกับพาราเซลลิ่ง เรือลากร่ม ลอยล่องบนอากาศ

เช้าวันรุ่งขึ้นไปนั่งชิลที่ร้าน Day & Night of Phuket ติดกับร้านระย้า มีเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ชวนให้ไปลิ้มชิมรสกับบรรยากาศคาเฟ่ชิกๆ

แล้วมาเดินชมย่านเมืองเก่าภูเก็ต ที่ยังคงอนุรักษ์ตึกเก่าโบราณตามสไตล์ชิโนโปรตุกิส สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของภูเก็ตกว่า 100 ปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านกาแฟ และยังมีสตรีตอาร์ตให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินตามวิถีคนยุคดิจิตอล

ใกล้เที่ยง รวมตัวกันที่ร้านตู้กับข้าว อาหารใต้ต้นตำรับอีกร้านที่ไม่ควรพลาด ร้านตกแต่งดีมีสไตล์ รสชาติอาหารไม่ต้องพูดถึงทานแล้วก็ต้องกลับมาทานอีก

ตบท้ายที่ Three Monkeys ร้านกาแฟท่ามกลางธรรมชาติขุนเขา ตกแต่งสไตล์ทรอปิคอล โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด ที่นี่ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์กับเครื่องเล่นซิปไลน์ และโรลเลอร์ ส่วนค่าบริการก็แรงอยู่

ผู้หญิงอย่างเราขอนั่งจิบกาแฟ กินเค้กสุดยอดอร่อย ฟังเสียงกรี๊ดเพลินๆ ปิดทริป 4X100 แบบจุกๆ

คอนเฟิร์มว่า ภูเก็ต พังงา ยังเป็นสวรรค์แห่งการท่องเที่ยว ยิ่งได้ใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง บอกได้เลยว่าคุ้ม

วิภา สุนันท์สถาพร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน