ตะลุยเมืองกับ2รถสุดหรู-2อารมณ์ – ค่ายผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์สุดหรูหลากหลายแบรนด์ มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อใหม่ฉลองครบรอบ 20 ปี เป็น ‘มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น’ (เอเชีย)

จัดทดสอบรถยนต์ระดับอัลตราลักชัวรี่ โรลส์-รอยซ์‘โกสต์’ รุ่นตัวถังยาว (Rolls-Royce Ghost Extended) เจเนอเรชั่นล่าสุด

พร้อมกับรถยนต์สปอร์ตสุดหรู แอสตัน มาร์ติน ‘ดีบีเอ็กซ์’ (ASTON MARTIN DBX) รถยนต์ SUV คันแรกของค่ายนี้

นัดเจอกันที่โชว์รูม โรลส์-รอยซ์ พระราม 3 ให้ทดสอบกันแบบ 1 คน 1 คัน กับเส้นทางที่ใช้ทดสอบออกจากโชว์รูม วิ่งเข้าถนนพระราม 3 จากนั้นวกขึ้นสะพานภูมิพล ไปลงฝั่ง ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย แล้ววกรถกลับทางเดิม ระยะทางประมาณ 25 ก.ม.

ก่อนออกเดินทางแนะนำตัวรถกันเล็กน้อย โรลส์-รอยซ์ โกสต์ ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม ซึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับโกสต์โดยเฉพาะ อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุล 50-50 ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนในทุกสภาพเส้นทาง

ตัวถังอะลูมิเนียมเชื่อมด้วยมือ มองแล้วลื่นไหลต่อเนื่อง ขณะที่สัญลักษณ์นางฟ้า หรือ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ก็เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ถูกล้อมกรอบบริเวณฐาน เพิ่มความโดดเด่นให้นางฟ้าบนฝากระโปรง ดุจกำลังลอยอยู่กลางทะเลสาบ

ไฟหน้าเลเซอร์ที่มีระยะส่องสว่างไกล กว่า 600 เมตร ระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางทั้งกลางวัน และ กลางคืน ระบบเตือนผู้ขับหลับใน กล้อง 4 ตัวแสดงมุมมองรอบรถ และมุมจากด้านบน การแสดงข้อมูลสะท้อนบนกระจกหน้า

ขาไปเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ทำตัวราวกับคุณผู้ชาย ที่กำลังจะไปงานราตรีสโมสร

นักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ได้รังสรรค์แดชบอร์ดเรืองแสง ‘สตาร์ไลต์ เฮดไลเนอร์’ ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว 850 ดวง เปล่งประกายระยิบระยับ โดยทั้งหมดถูกซ่อนไว้ขณะดับเครื่องยนต์

ด้วยเป็นรุ่นตัวถังยาว นอกจากจะได้พื้นที่วางขาที่กว้างขวางแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งด้านหลังแบบ ‘Serenity Seat’ ปรับเอนได้ตามต้องการ นับเป็นมิติใหม่ของความสะดวกสบาย คล้ายห้องโดยสารของเครื่องบินชั้นธุรกิจ

สีเคลือบผิวไม้ 2 สีใหม่ Obsidian Ayous ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากความหลากหลายของสีที่พบในหินลาวา และ Dark Amber ที่ผสานอนุภาคอะลูมิเนียมละเอียดแทรกอยู่ในลายไม้ โดยทั้ง 2 สี สามารถเลือกเป็นแบบ (Open Pore) เพื่อเผยให้เห็นผิวสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ

เสน่ห์ของโรลส์-รอยซ์คือความนุ่ม และเงียบ

สําหรับ โกสต์ รุ่นล่าสุดนี้ พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เป็นผล จากโครงสร้างอะลูมิเนียมที่มีค่าความต้านทานคลื่นเสียง (acoustic impedance) สูงกว่าเหล็ก

การทำผนังห้องเครื่องและพื้นรถ 2 ชั้น แทรกกลางด้วยวัสดุซับเสียง ขณะที่ประตู หลังคา และจุดอื่นๆ ติดตั้งวัสดุซับเสียง น้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม

ขณะที่ความนุ่มเห็นได้ชัดเจน เพราะถ.พระราม 3 ทุกวันนี้บอกเลยว่าขับๆ ไป เจอกับแผ่นปูนวางต่อกัน ราวกับเป็นเนินลูกระนาดอยู่ต่อเนื่อง แต่บอกเลยว่าแทบไม่มีอาการสะท้าน มาถึงเบาะนั่ง คือรู้ว่าผ่านไปราวกับปุยนุ่น

ตอนกลับขึ้นตำแหน่งคนขับ กำลังเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ให้กำลัง 563 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตัน-เมตร มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,600 รอบต่อนาที

กดคันเร่งนิดเดียว และรวมถึงจังหวะคลิกดาวน์ ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้า ราวกับลูกธนูออกจากคันศร แม้น้ำหนักรวมทั้งคัน อยู่ที่กว่า 2 ตัน ก็ตาม

เป็นพรมวิเศษที่วาร์ปไปทุกที่ได้ดั่งใจจริงๆ ส่วนค่าตัวของเจ้าโรลส์-รอยซ์ โกสต์ รุ่นตัวถังยาวนี้เริ่มต้นที่ 36.8 ล้านบาท

มาต่อกันที่ แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ รถยนต์ SUV คันแรกของค่ายนี้ บนเส้นทางเดียวกัน

ทีมงานยืนยันว่ายังคงไว้ซึ่งอารมณ์รถสปอร์ตไว้ทุกอณู ไม่ว่าจะดีไซน์ สมรรถนะเครื่องยนต์ และช่วงล่าง ที่พร้อมจะลุยไปในแบบสปอร์ต สปอร์ต ทุกเส้นทาง

แม้จะขับระยะทางสั้นๆ แต่ก็พอจับความรู้สึกว่าเป็นอย่างที่ว่าไว้จริงๆ ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร 550 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ

เรียกกำลังมาใช้งานได้อย่างทันอกทันใจ ไม่มีต้องรอรอบให้เสียอารมณ์ ความเร็วสูงสุดในสเป๊กแจ้งไว้ 291 ก.ม.ต่อช.ม. วันนั้นจัดไปไม่ถึง แต่ทะลุ 200 ก.ม.ต่อช.ม. ในเวลาอันรวดเร็ว

และแม้อยู่บนย่านความเร็วสูง กับตัวรถที่สูงสไตล์ SUV แต่ไม่ได้มีอาการหวิวให้ได้รู้สึก จากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เฟืองท้ายควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์

ผสานการทำงานกับช่วงล่างดับเบิลวิชโบน และถุงลม Adaptive Triple Air Suspension ที่ปรับความหนืดอัตโนมัติ ให้ทั้งความนุ่ม และหนึบในเวลาเดียวกัน ช่วยให้การเข้าโค้ง ทำบนความเร็วราวกับรถสปอร์ตซีดาน

ทีมงานที่นั่งไปด้วยชวนปรับโหมดการขับขี่ ที่มีให้เลือก 5 โหมด Terrain+, Terrain, GT, S และ S+

เพิ่มการตอบสนอง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ภายใน 4.5 วินาที ท็อปสปีด 291 ก.ม./ช.ม. มั่นใจในเรื่องประสิทธิภาพการขับ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เฟืองท้ายควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์

ผสานช่วงล่างดับเบิลวิชโบนและถุงลมปรับความสูงได้หลายระดับ พร้อม 5 โหมดการขับ คือ Terrain+, Terrain, GT, S และ S+ ทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ จะอยู่ที่โหมด GT

ถึงเวลาต้องลุย เลือกโหมด Terrain ตัวรถยกสูงขึ้น 20 ม.ม. ความเร็วไม่เกิน 80 ก.ม.ต่อช.ม.

แต่ถ้าจะลุยหนักขึ้น เลือกโหมด Terrain+ ตัวรถยกสูงขึ้น 45 ม.ม. ความเร็วไม่เกิน 40 ก.ม.ต่อช.ม.

ขณะที่โหมด S และ S+ เหมาะสำหรับที่ต้องใช้ความเร็วสูง หรือเรียกอารมณ์สปอร์ตตัวในลุกโชน เพราะตัวรถจะต่ำลง 30 ม.ม. เพิ่มการยึดเกาะถนน รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างดุดันยิ่งขึ้น

พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มเอสยูวีใหม่โดยเฉพาะ โครงสร้างตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม น้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่ง

รูปลักษณ์ผ่านการออกแบบให้ฉีกหนีตัวถังทรงกล่องของเอสยูวีทั่วไป ด้วยเส้นสายตัวถังพลิ้วไหว ดูเซ็กซี่ และหรูหรา

ผสานเสน่ห์อันมีมนต์ขลัง ด้วยโลโก้สัญลักษณ์รูปปีก หรือ ‘wing badge’ ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมดจากผู้ผลิต จิวเวลรี่สุดหรู ประสบการณ์กว่า 200 ปี

เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแฝงความสปอร์ต พร้อมช่องดักอากาศเพื่อระบายความร้อนจานเบรก ประตูปีกหงส์แบบ wrap around ป้องกันเสื้อผ้าเปื้อนขณะก้าวจากลงรถ

ห้องโดยสารยังคงบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของ แอสตัน มาร์ติน ด้วยการดีไซน์ที่ประณีต กว้างขวางหรูหรา เพิ่มแสงสว่างในห้องโดยสาร ด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

ประตูไร้กรอบกระจก ตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมและหนังแท้ full natural grain ‘Caithness’

คอนโซลกลางออกแบบอย่างงดงาม มีลักษณะคล้ายสะพาน เชื่อมต่อไปยังส่วนกลางของแดชบอร์ด

เพิ่มความสะดวกสบายผ่านจออเนก ประสงค์ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple Car Play พร้อมกล้องมองภาพ 360 องศา และไฟเพิ่มบรรยากาศ ในห้องโดยสาร ที่สามารถปรับได้ถึง 64 เฉดสี

ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

นักเลงรถสปอร์ตขาลุย ต้องหาเวลาไปสัมผัสกันดูสักหน่อยแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน