‘เมสซี’ภารกิจยกระดับปารีสฯ – การย้ายออกจากบาร์เซโลนาของลิโอเนล เมสซี เป็นเรื่องช็อกสำหรับโลกลูกหนัง เนื่องจากน้อยคนนักจะคิดว่าแข้งทีมชาติอาร์เจนตินารายนี้จะอำลาถิ่นคัมป์ นู และย้ายไปสโมสรอื่น
สุดท้ายเมสซีลงเอยกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ที่ได้ตัวแข้งวัย 34 ปี ด้วยสัญญา 2 ปี พร้อมจะสวมเสื้อเบอร์ 30 ให้กับต้นสังกัดใหม่
“ผมตื่นเต้นที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรตรงกับความทะเยอทะยานด้านฟุตบอลของผม ผมตั้งใจว่าจะช่วยสร้างบางสิ่งที่พิเศษให้กับสโมสรและแฟนบอล” เมสซีกล่าวหลังย้ายทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี
สำนักข่าวบีบีซีวิเคราะห์ว่าการที่เปแอสเชได้ตัวเมสซีมาเสริมแกร่งนั้น แนวรุกของพวกเขาจะก้าวไปอีกระดับ โดยเมสซีมีความสนิทสนมกับเนย์มาร์ กองหน้าค่าตัวสถิติโลกที่เป็นแข้งหลักของทีม เนื่องจากเคยเล่นร่วมกันที่บาร์เซโลนา รวมถึงชีวิตส่วนตัวซึ่งทั้งคู่นับถือกันเหมือนพี่น้อง
นอกจากนั้น เมสซียังเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ เพราะสามารถเล่นได้ทั้งแนวรุกฝั่งซ้าย, แนวรุกฝั่งขวา, เพลย์เมกเกอร์ รวมไปถึงกองหน้าตัวเป้าจำเป็นในระบบฟอลต์ 9
ทำให้เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือเปแอสเช สามารถเลือกได้ว่าจะวางเมสซี ในการเล่นตรงตำแหน่งใดของแนวรุก
นอกจากนั้น เชื่อว่าเมสซีจะมาช่วยผลักดันเนย์มาร์ เพราะหลังจากที่ดาวเตะวัย 29 ปี ย้ายออกจากบาร์เซโลนา ซึ่งเคยมีเมสซีสนับสนุน เจ้าตัวก็มีสถิติการยิงที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจาก 19 ประตูกับ 14 แอสซิสต์จากการลงสนาม 20 นัดในลีกเอิง เมื่อปี 2017-18 ลดเหลือ 9 ประตูกับ 5 แอสซิสต์จากการลงสนาม 20 นัดในลีก เอิง เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
จากความสัมพันธ์ของเมสซีกับเนย์มาร์ และศักยภาพของเอ็มบัปเป แม้จะดูว่าลงตัว ทว่ายังเกิดเครื่องหมายคำถามว่าพวกเขาสามคนจะสามารถประสานงานกันได้หรือไม่?
แต่ในอาชีพการค้าแข้งนั้น เมสซีผ่านการเล่นกับแข้งระดับซูเปอร์สตาร์มาแล้วมากมาย อาทิ โรนัลดินโญ, ซามูเอล เอโต, เธียร์รี อองรี, ดาบิด บียา ฯลฯ
ทำให้การที่เมสซีจะเล่นกับเนย์มาร์ ซึ่งเคยเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา 5 ปี และเอ็มบัปเป คงไม่น่าเป็นปัญหา แต่ก็คงต้องใช้เวลาในเรื่องการปรับตัวกับสภาพแวดล้อม รวมถึงระบบทีมซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักเตะใหม่
เมสซีอาจจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยให้เปแอสเชประสบความสำเร็จในถ้วยที่สโมสรไม่เคยได้ นั่นก็คือยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เหมือนกับที่ซามูเอล เอโต รุ่นพี่จากบาร์เซโลนา ที่ย้ายออกจาก “เจ้าบุญทุ่ม” ก่อนสร้างตำนานบทใหม่ด้วยการช่วยให้อินเตอร์ มิลาน ของอิตาลี ซิวทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ
