เมื่อวันที่ 30 มี.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการสู้รบในประเทศยูเครน ว่าทางการยูเครนและชาติตะวันตกอยู่ระหว่างจับตาความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย หลังทางการรัสเซียให้คำมั่นว่าจะลดระดับความเข้มข้นของการโจมตีรอบกรุงเคียฟจากการเจรจาหาหนทางยุติสงครามที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ท่ามกลางสงครามที่คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วกว่า 2 หมื่นราย

การเจรจาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียส่งสัญญาณแนวโน้มการพูดคุยที่เป็นไปในทางบวกไม่เหมือนกันการเจรจาหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อกังวลของรัสเซียที่ต้องการให้ยูเครนมีความเป็นกลางระหว่างรัสเซียกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ รวมถึงการเป็นชาติปลอดอาวุธนิวเคลียร์

แหลก – เจ้าหน้าที่กู้ภัยของยูเครนเข้าสำรวจซากอาคารของสำนักงานบริหารเมืองมีโคลายิฟ หลังถูกกองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อน หรือจรวดครุยส์ ทางภาคใต้ของประเทศยูเครน ส่วนรัสเซียให้คำมั่นว่าจะลดการโจมตีกรุงเคียฟลง เมื่อ 30 มี.ค. (รอยเตอร์)

อย่างไรก็ดี นายเวียเชสลาฟ เชาส์ นายกเทศมนตรีเมืองเชียร์นีฮิฟ ทางภาคเหนือของยูเครน ระบุว่า ยังคงเผชิญกับการถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง และกองทัพรัสเซียไม่มีทีท่าจะลดระดับการโจมตีลง นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียยังเปิดฉากโจมตีเมืองคห์เมลนิชกี ทางภาคตะวันตกของประเทศด้วย สร้างความกังวลให้ชาติพันธมิตรนาโต้ที่ไม่เชื่อว่ารัสเซียจะทำตามคำสัญญา

กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา หรือเพนตากอน ระบุว่า พบความเคลื่อนไหวของ กองทัพรัสเซียรอบกรุงเคียฟมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันเล็กน้อย อาจเป็นไปเพื่อลดการโจมตี หรือเตรียมเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟรอบใหม่ก็ได้ โดยสหรัฐพบเพียงการเคลื่อนกำลังกลุ่มเล็กๆ ของทหารรัสเซียจากรอบนอกของกรุงเคียฟขยับขึ้นไปทางเหนือ

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอนกล่าวเตือนว่า แม้กองทัพรัสเซียจะประสบความ ล้มเหลวในการบุกยึดกรุงเคียฟ แต่ไม่ได้หมายความว่ากรุงเคียฟจะปลอดภัยจากการถูกโจมตีแล้ว สอดคล้องกับทางการยูเครนที่เตือนว่า กองทัพรัสเซียนั้นอาจเพียงสับเปลี่ยนกำลังเท่านั้น

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า การเจรจาที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้นเป็นไปในทิศทางบวก แต่ยูเครนไม่มีแผนที่จะลดการป้องกันลง และจะไม่มีการเจรจาเพื่อผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจนกว่าสงครามจะยุติ เช่นเดียวกันกับท่าทีของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และผู้นำชาติพันธมิตรอื่น อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี

วันเดียวกัน ทางการเบลเยียม ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ประกาศขับนักการทูตของรัสเซียอีก 42 คน ออกจากประเทศ ขณะที่ทางการรัสเซียประกาศขับนักการทูต 10 คน ของเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่ขับนักการทูตรัสเซียออกจากประเทศไปก่อนหน้านี้

ด้านความเคลื่อนไหวของทางการรัสเซีย นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเดินทางเยือนประเทศจีน ชาติพันธมิตรหลักของรัสเซีย โดยเข้าหารือกับนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน ที่มณฑลอานฮุย ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งทั้งสองชาติตกลงที่จะยกระดับความร่วมมือกันในหลากหลายมิติ ท่ามกลางเงื่อนไขความยากลำบากในเวทีโลก ความร่วมมือดังกล่าวยังรวมถึงการทำงานที่สอดประสานกันด้านนโยบายการต่างประเทศ เช่น การแสดงจุดยืนร่วมกันต่อประเด็นต่างๆ บนเวทีโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน